นะบีมุฮัมมัด ตอน การเผยแพร่ที่เมืองฎออีฟ

นะบีมุฮัมมัด ตอน การเผยแพร่ที่เมืองฎออีฟ  ในการทำหน้าที่เผยแผ่ศาสนาของท่านนะบีมุฮัมมัด ﷺ นั้นท่านได้ประสบความเดือดร้อนมากมาย ไม่ว่าการทำร้ายร่างกายหมายเอาชีวิต การใส่ร้ายด่าทอ แต่ท่านนะบีมุฮัมมัด ﷺ  ก็อดทนจากการทำร้ายในรูปแบบต่างๆ ที่ชาวกุเรชในเมือง มักกะฮ์ได้กระทำต่อท่าน เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น ท่านนะบีมุฮัมมัด  ﷺ ก็ได้มองหาพื้นที่อื่นเพื่อขยายแนวร่วมในการดะวะฮ์                  และในปีที่ 10 เดือนเชาวาล ก่อนการอพยพ เมื่อท่านไปถึงเมืองฏออีฟ ท่านได้ทำการเรียกร้องกับคนทุกกลุ่ม แต่ผลลัพธ์ก็คือท่านได้ถูกรุมทำร้าย ถูกด่าทอดูถูกเหยียดหยาม และโดนรุมทำร้ายโดยถูกขว้างด้วยก้อนหิน และท่านเซด บิน  ฮาริซะฮ์ พยายามที่จะช่วยท่านนะบีมุฮัมมัด ﷺ แต่ท่านก็โดนหินขว้างศีรษะแตกจนเลือดไหลออกมา ท่านได้ฝ่าวงล้อมโดยพาร่างกายที่บอบช้ำออกมา และได้ไปพักที่สวนของ อุตบะฮ์และชัยบะฮ์ ซึ่งเป็นคนที่มีเกียรติในเมืองฏออีฟ เขาทั้งสองได้ส่งเด็กรับใช้ให้นำองุ่นมาให้ท่านนะบีมุฮัมมัด  ﷺ ซึ่งหนึ่งในเด็กรับใช้ทั้งสองนั้นเป็นชาวนะศอรอ(คริสต์) มีชื่อว่า อัดดาส      เมื่อท่านนะบีมุฮัมมัด ﷺ  ได้ยื่นมือไปหยิบผลองุ่นขึ้นมารับประทาน ก่อนรับประทานท่านได้กล่าวว่า บิสมิลลาฮ์       เมื่อเด็กคนนั้นได้ยิน เด็กคนนั้นได้กล่าวว่า คำพูดนี้ ในเมืองนี้ไม่มีใครกล่าวเลย       ท่านได้นะบีมุฮัมมัด ﷺ  ได้ถามเด็กคนนั้นว่า เจ้ามาจากเมืองอะไร และศาสนาของเจ้าคือศาสนาอะไร?       อัดดาส ตอบฉันว่าเป็นนะศอรอฉันมาจากเมือง นัยนาวา       ท่านนะบีได้กล่าวเมืองนี้ คือเมืองของคนดีที่ชื่อว่า ยูนุส บิน มัตตา?       อัดดาสได้ถามว่า ท่านทราบอะไรบ้างเกี่ยวกับ ยูนุส บิน มัตตา ?       ท่านนะบีตอบว่า เขาเป็นพี่น้องของฉัน และเขาเป็นนะบี และฉันก็เป็นนะบีด้วย ?       เมื่ออัดดาสได้ยินเช่น เขาได้จับศีรษะของท่านนะบี จับมือและเท้าทั้งสองแล้วจูบ หลังจากนั้นเขาก็รับอิสลาม               […]

นบีมูซาตอน ข้ามทะเลแดงและรับวะฮี

ท่านนะบีมูซาขึ้นไปรับคัมภีร์เตารอด หลังจากข้ามผ่านทะเลแดงมาแล้ว นะบีมูซาและกลุ่มชนของท่านเดินทางต่อไปปาเลสไตน์ แต่ในระหว่างนั้นเอง อัลเลาะฮ์ทรงมีรับสั่งแก่นะบีมูซา ให้ท่านพร้อมกับกลุ่มชนของท่านไปยังภูเขาฏูร ทรงมีประสงค์ที่จะประทานคัมภีร์เตารอตฺให้แก่ท่านที่นั่น เพื่อเป็นบทบัญญัติให้ท่านและกลุ่มชนของท่านยึดถือปฏิบัติ ท่านนะบีต้องไปอยู่ที่ภูเขาฏูรเป็นเวลาสามสิบคืน เพื่อรับคัมภีร์เตารอตฺ   ก่อนจะมาท่านได้บอกกลุ่มชนของท่านว่าท่านจะอยู่ที่ภูเขาฏูรสามสิบคืน ซึ่งในระหว่างนั้นท่านถือศีลอด ด้วยหวังความพอพระทัยจากอัลเลาะฮ์ตะอาลา แต่การถือศีลอดนั้นทำให้ท่านมีกลิ่นปาก ท่านจึงตัดสินใจละศีลอด เพื่อให้กลิ่นปากหมดไป อัลเลาะฮ์ทรงตำหนิท่านว่า “เหตุใดเจ้าจึงละศีลอด” ท่านตอบว่า “ข้าพระองค์มีกลิ่นปาก” พระองค์ทรงตรัสว่า “เจ้าไม่รู้หรือว่า แท้จริงกลิ่นปากของผู้ถือศีลอด ณ ที่ข้าแล้ว หอมยิ่งกว่ากลิ่นน้ำหอมเสียอีก” นะบีมูซาจึงถือศีลอดอีกสิบวัน แล้วอัลเลาะฮ์ก็ทรงเพิ่มจากสามสิบคืนที่ให้ท่านอยู่ที่ภูเขาฏูรเป็นสี่สิบคืน เพิ่มมาสิบคืน ก่อนจากกลุ่มชนของท่านมา ท่านได้ฝากฝังนะบีฮารูนพี่ชายของท่านให้เป็นผู้ดูแล ปกครองกลุ่มชนบนีอิสรออีลในช่วงที่ท่านไม่อยู่ وَوَاعَدْنَا مُوسَى ثَلاثِينَ لَيْلَةً وَأَتْمَمْنَاهَا بِعَشْرٍ فَتَمَّ مِيقَاتُ رَبِّهِ أَرْبَعِينَ لَيْلَةً وَقَالَ مُوسَى لأَخِيهِ هَارُونَ اخْلُفْنِي فِي قَوْمِي وَأَصْلِحْ وَلاَ تَتَّبِعْ سَبِيلَ الْمُفْسِدِينَ […]

อิสรออ์ เมี๊ยะอ์รอจ

อิสรออ์เมียะอ์รอจ มีเหตุการณ์ที่สำคัญเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของท่านนบีมูฮำมัด    นั่นก็คือเหตุการณ์ อิสรออ์เมียะอ์รอจ ( มัวะอ์ยิซาต ) เป็นเหตุการณ์ที่อัลเลาะฮ์ได้ทรงให้เกียรติต่อท่านนบีมุฮัมมัด และเป็นการปลอบประโลมท่าน ในงานที่ได้รับมอบหมาย ในการประกาศศาสนา และเป็นปีที่ท่าน สูญเสียบุคคลที่เป็นที่รัก ถึง 2 คน  อัลเลาะฮ์สั่งใช้ให้ท่านนบี  เดินทางไปรับวะฮีในยามค่ำคืนจากมัสยิดฮะรอม  (อยู่ที่มักกะฮ์)ไปยังมัสยิดอักศอ ส่วนมัสยิดอักศอ (อยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม ประเทศปาเลสไตน์) โดยมียานพาหนะที่ชื่อว่าบุร้อก เมื่อท่านไปถึงมัสยิดอักศอท่านได้พบกับบรรดานบีท่านอื่นๆ และได้นำละหมาดให้แก่พวกเขา และท่านนบีก็เดินทางไปเมียะอ์รอจ ขึ้นสู่ฟากฟ้า (คือจากมัสยิดอัลอักซอ ไปเข้าเฝ้าพระองค์อัลเลาะฮ์ ) ท่านนบีผ่านชั้นฟ้าทั้ง 7 ชั้น โดยชั้นที่ 1 ท่านพบกับนบีอาดัม อะลัยฮิสสลาม ชั้นที่ 2ท่านพบกับนบียะห์ยาและอีซา ชั้นฟ้าชั้นที่ 3 ท่านได้พบกับท่านนบียูซุฟ ชั้นฟ้าชั้นที่4 ท่านพบกับนบีอิดรีส ชั้นฟ้าชั้นที่ 5 พบกับนบีฮารูน  ชั้นฟ้าชั้นที่ 6 ท่านพบกับนบีมูซา รีส ชั้นฟ้าชั้นที่ 7 พบกับนบีอิบรอฮีม หลังจากนั้นญิบรีลพาท่านนบีไปที่ “ซิตเราะตุ้ลมุนตะฮา”  (เป็นต้นไม้ในสวนสวรรค์) หลังจากที่ญิบรีลได้มาส่งท่านนบีมุฮัมมัด และเมื่อท่านนบีได้เดินทางไปเข้าเฝ้าพระองค์อัลเลาะฮ์ ในครั้งนี้ท่านนบี  ได้รับวะฮีในเรื่องของบัญญัติละหมาดฟัรดู 5เวลาลงมา เป็นกฏข้อบังคับ […]

สงครามคอนดัก

สงครามคอนดัก หลังจากที่ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ได้พยายามขับไล่ชาวยิวออกจากมะดีนะฮ์ บรรดาหัวหน้าเผ่าชาวยิวจากตระกูล อันนะฎี๊ร ได้ติดต่อกับชาวกุเรชและเผ่าต่างๆที่เป็นมุชริก และพยายามยุยงให้เผ่าต่างๆทำการสู้รบกับมุสลิม อีกทั้งชาวกุเรชต้องการที่จะจัดการกับมุสลิมอยู่แล้ว รวมถึงความต้องการในเส้นทางทางการค้าขาย พวกเขาจึงตกลงที่จะร่วมมือ พร้อมทั้งทำการเชิญชวนเผ่าต่างๆทางเมืองนัจด์ และติฮามะฮ์ทางตอนใต้ ในขณะเดียวกันพวกยิว ได้สร้างความจูงใจให้ เผ่าฆ็อตฟาน ซึ่งเป็นเผ่าใหญ่ของเมืองนัจด์ ด้วยการแบ่งปันผลประโยชน์ครึ่งหนึ่งที่จะได้รับจากเมือง คอยบัร จึงทำให้นักรบที่ร่วมในสมรภูมินี้มีจำนวนถึง 10,000 คน เมื่อบรรดามุสลิมได้ทราบข่าวการยกทัพมาของเผ่าต่างๆ ท่านซัลมาน อัล ฟาริซีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้เสนอความคิดเรื่องการขุดสนามเพลาะทางด้านเหนือของเมืองมะดีนะฮ์ เพราะเป็นด้านเดียวที่เปิดโล่งอยู่ ในขณะที่ด้านอื่น ๆ นั้นเต็มไปด้วยกำบังทางธรรมชาติ ที่มีทั้งบ้านเรือนอย่างหนาแน่น และเรือกสวนต่างๆ ส่วนทางด้านอื่นมีแปลงหินภูเขาไฟ (หินสีดำไม่ราบเรียบเป็นร่องรอยของภูเขาไฟระเบิด) ซึ่งเป็นการยากลำบากในการที่จะลุยผ่านเข้ามาได้        ท่านเราะซูล และบรรดามุสลิมเห็นด้วยกับความคิดของซัลมาน จึงได้เริ่มปฏิบัติการทันที ท่านเราะซูล ได้จัดมุสลิมีนออกเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละ 10 คน ให้ขุดสนามยาว 40 ศอก มุสลิมพบอุปสรรคมากมายในการขุดสนามเพลาะ ทั้งระยะเวลาที่สั้น อากาศที่หนาวเหน็บ เสบียงที่น้อยนิด พื้นดินที่แข็ง […]