เนื้อหาประกอบการสอน ก-ฮ

  • ก ไก่

         وَلَا تَأْكُلُوا مِمَّا لَمْ يُذْكَرِ اسْمُ اللَّهِ عَلَيْهِ وَإِنَّهُ لَفِسْقٌ وَإِنَّ الشَّيَاطِينَ لَيُوحُونَ إِلَىٰ أَوْلِيَائِهِمْ لِيُجَادِلُوكُمْ وَإِنْ أَطَعْتُمُوهُمْ إِنَّكُمْ لَمُشْرِكُونَ

  ( 121 )

ความว่า : และพวกเจ้าจงอย่าบริโภคจากสิ่งที่พระนาม

ของอัลเลาะฮ์มิได้ถูกกล่าวบน มัน และแท้จริงมัน เป็นการละเมิดแน่ๆ

และแท้จริงบรรดาชัยฏอนนั้นจะกระซิบกระซาบแก่บรรดาสหายของมัน

เพื่อพวกเขา จะได้โต้เถียงกับพวกเจ้า และถ้าหากพวกเจ้าเชื่อฟังพวกเขา แน่นอนพวกเจ้าก็เป็นผู้ให้มีภาคีขึ้น

( ซูเราะฮ์ อัล-อันอาม : 121 )

.

.

.

  • ข.ไข่

 ( 114 )   فَكُلُوا مِمَّا رَزَقَكُمُ اللَّهُ حَلَالًا طَيِّبًا

ความว่า :  พวกเจ้าจงบริโภคในสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า ซึ่งเป็นที่อนุมัติที่ดี

( ซูเราะฮ์ อัน-นะห์ล : 114 )

.

.

.

ฃ.ฃวด

عَنْ حُذَيْفَة سَمِعْتُ النَّبِىَّ - صلى الله عليه وسلم - يَقُولُ لاَ تَلْبَسُوا الْحَرِيرَ وَلاَ الدِّيبَاجَ وَلاَ تَشْرَبُوا فِى آنِيَةِ الذَّهَبِ وَالْفِضَّةِ ، وَلاَ تَأْكُلُوا فِى صِحَافِهَا ، فَإِنَّهَا لَهُمْ فِى الدُّنْيَا وَلَنَا فِى الآخِرَة

(رَوَاهُ البُخَارِي 5426 وَمُسلِم 2067 )

ความว่า : รายงานจากฮุซัยฟะฮ์ กล่าวว่า : ฉันได้ยินท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

กล่าวว่า : พวกท่านจงอย่าสวมใส่ผ้าไหม และจงอย่าดื่มในภาชนะทองคำหรือเงิน และจงอย่าทานในจานของมัน (ทองและเงิน) เพราะมันเป็นของพวกเขา(ผู้ปฏิเสธศรัทธา)ในโลกดุนยาและเป็นของพวกเราในวันอาคิเราะฮ์

( บันทึกโดยบุคอรีย์ : 5426 และมุสลิม : 2067 )

.

.

.

  • ค.ควาย

( 5 ) وَالْأَنْعَامَ خَلَقَهَا لَكُمْ فِيهَا دِفْءٌ وَمَنَافِعُ وَمِنْهَا تَأْكُلُونَ

ความว่า : และปศุสัตว์ พระองค์ทรงสร้างมันในตัวมันมีความอบอุ่นสำหรับพวกเจ้า และประโยชน์มากหลาย และในส่วนหนึ่งจากมันนั้นพวกเจ้าเอามา

บริโภคได้

( ซูเราะฮ์ อัน-นะห์ล : 5 )

.

.

  • ฅ.ฅน

  وَالَّذِينَ يُؤْمِنُونَ بِالْآخِرَةِ يُؤْمِنُونَ بِهِ وَهُمْ عَلَىٰ صَلَاتِهِمْ يُحَافِظُونَ

( 92 )

ความว่า : และบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่อปรโลกนั้น พวกเขาย่อมศรัทธาต่อคัมภีร์นี้ และขณะเดียวกันพวกเขาก็จะรักษาการละหมาดของพวกเขา

( ซูเราะฮ์ อัล-อันอาม : 92 )

عَنِ ابْنِ عُمَرَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُمَا ، قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ

 بُنِيَ الْإِسْلَامُ عَلَى خَمْسٍ ، شَهَادَةِ أَنْ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ وَأَنَّ مُحَمَّدًا رَسُولُ اللَّهِ ، وَإِقَامِ الصَّلَاةِ ، وَإِيتَاءِ الزَّكَاةِ ، وَالْحَجِّ ، وَصَوْمِ رَمَضَانَ

 ( رواه البخري 7 )

ความว่า : รายงานจาก อิบนุ​ อุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา กล่าวว่า ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า : อิสลามถูกสร้างไว้บนหลัก 5 ประการคือ การปฏิญาณตนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์ และนะบีมูฮัมมัดเป็นร่อซู้ลของพระองค์ และดำรงละหมาด

และจ่ายซะกาต และทำฮัจญ์ และถือศีลอดในเดือนรอมฎอน

( บันทึกโดย บุคอรีย์ : 7 )

.

..

  • ฆ.ระฆัง

  :عَن أَبِيْ هُرَيْرَ ة رَضِيَ الله عَنْهُ قال : قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلّى الله عَلَيْهِ وَسَلّم

لَا تَصْحَبُ الْمَلَائِكَةُ رُفْقَةً فِيهَا كَلْبٌ وَلَا جَرَسٌ

( رَوَاهُ مُسلِم 2113 )

ความว่า : จาก อบี ฮุรอยเราะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุ อันฮุ เล่าว่า ท่านนะบี มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า : มลาอิกะฮ์จะไม่อยู่ร่วมกับผู้เดินทางที่มีสุนัขและกระดิ่ง

 ( บันทึกโดยมุสลิม : 2113 )

.

.

.

  • ง.งู

    ( 19 ) قَالَ أَلْقِهَا يَا مُوسَىٰ 

   (20 )فَأَلْقَاهَا فَإِذَا هِيَ حَيَّةٌ تَسْعَىٰ

   ( 21 )قَالَ خُذْهَا وَلَا تَخَفْ سَنُعِيدُهَا سِيرَتَهَا الْأُولَىٰ

ความว่า : พระองค์ตรัสว่า : จงโยนมันไปซิ โอ้มูซาเอ๋ย เขาจึงโยนมันลงไป แล้วมันก็ได้กลายเป็นงูเลื้อย พระองค์ตรัสว่า : จงจับมันขึ้นมาและอย่ากลัว เราจะให้มันกลับมาเป็นไม้เท้าตามสภาพก่อนของมัน

( ซูเราะฮ์-ตอฮา : 19-21 )

นะบีมูซากับนักมายากล

เมื่ออัลเลาะฮ์ให้ฟิรอูนเห็นปาฏิหาริย์ต่างๆที่ชี้แนะถึงการเป็นนะบีของมูซา เช่น ไม้เท้า มือ น้ำท่วม ตั๊กแตนและอื่นๆอีก 9 อย่าง

ฟิรอูนกล่าวหาว่า สิ่งที่ท่านนะบีนำมาคือ เล่ห์กล ดังนั้นเขาจึงท้าท่านนะบีประลองโดยให้ท่านนะบีเป็นคนกำหนดวัน ท่านนะบีมูซากำหนดวันประลองคือวันอีด โดยให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมกันในตอนสาย

เมื่อถึงวันประลอง พวกเขากล่าวว่า โอ้มูซา ท่านจะโยน ( ไม้เท้า ) ก่อนหรือว่าพวกเราจะเป็นผู้โยนก่อน

นะบีมูซาบอกให้พวกเขาโยนก่อน ครั้นเมื่อพวกเขาโยนไม้เท้า มันก็กลายเป็นงู ลวงตาประชาชน  แล้วท่านนะบีมูซาก็โยนไม้เท้า แล้วมันกลายเป็นงูจริงๆ มันก็กลืนสิ่งที่พวกเขาลวงตาไว้

ทำให้นักมายกล เกิดความศรัทธาและล้มตัวลงกราบต่อพระเจ้าที่ท่านนะบีมูซาเรียกร้อง

.( ตัฟซีร สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ซูเราะฮ์ อัล-อะรอฟ : 106-120 )

.

.

.

  • จ.จาน

 

عَنْ وَحْشِيِّ بْنِ حَرْبٍ عن اَبِيهِ عَن جَدِّهِ أَنَّ أَصْحَابَ النَّبِىِّ ( صلى الله عليه وسلم) قَالُوا: يَا رَسُولَ اللَّهِ إِنَّا نَأْكُلُ وَلاَ نَشْبَعُ. قَالَ : فَلَعَلَّكُمْ تَفْتَرِقُونَ

قَالُوا : نَعَمْ. قَالَ : فَاجْتَمِعُوا عَلَى طَعَامِكُمْ وَاذْكُرُوا اسْمَ اللَّهِ عَلَيْهِ يُبَارَكْ لَكُمْ فِيهِ

( رَوَاهُ أبو دَاوُد 3764 وَإِبنِ مَاجَه 3268 )

ความว่า : วะฮ์ชีย์ บิน​ หัรบฺ ได้เล่าจากบิดาของเขา และบิดาของเขาได้เล่าจากปู่ของเขาว่า :

เหล่าสหายของท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม   ได้กล่าวว่า : โอ้ท่าน ร่อซูลุ้ลเลาะฮ์  พวกเราทานอาหาร แต่ไม่อิ่ม

ท่านนะบี ตอบว่า พวกท่านคงจะแยกกันกิน

พวกเขาตอบว่า : ใช่แล้ว

ท่านนะบี กล่าวว่า  : ถ้าเช่นนั้น พวกท่านจงร่วมกันรับประทานอาหารเป็นกลุ่ม และจงเอ่ยพระนามของอัลเลาะฮ์ แล้วพวกท่านจะได้รับบารอกะฮ์จากการทานแบบเป็นกลุ่มอย่างแน่นอน

( บันทึกโดยอบูดาวูด : 3764 และอิบนุมาญะฮ์ : 3268 )

.

.

.

  • ฉ.ฉิ่ง

وَمِنَ النَّاسِ مَن يَشْتَرِي لَهْوَ الْحَدِيثِ لِيُضِلَّ عَن سَبِيلِ اللَّهِ بِغَيْرِ عِلْمٍ وَيَتَّخِذَهَا هُزُوًا أُولَٰئِكَ لَهُمْ عَذَابٌ مُّهِينٌ

 ( 6 )

ความว่า : และในหมู่มนุษย์มีผู้ซื้อเอาเรื่องไร้สาระ เพื่อทำให้เขาหลงไปจากทางของอัลเลาะฮ์ (1) โดยปราศจากความรู้ และถือเอามันเป็นเรื่องขบขัน ชนเหล่านี้พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันอัปยศ

1.อับดุลเลาะฮ์ อิบนุมัสอู๊ดและฮะซัน อัลบัศรีย์กล่าวว่า เรื่องไร้สาระ หมายถึง การร้องรำทำเพลง

( ซูเราะฮ์ –ลุกมาน : 6 )

عَن عِمْرَان بِن حُصَين رَضِيَ اللهُ عَنهُ أنَّ رَسُول الله صَلّى اللهُ عَلَيهِ وَسَلّم

قَال :فِي هَذِهِ الأُمَّةِ قَذْفٌ وَخَسْفٌ وَمَسْخٌ ، فَقَالَ رَجُلٌ مِنَ الْمُسْلِمِيْنَ : مَتَى ذَاْكَ يَا رَسُولَ اللهِ ؟ قَالَ : إَذَا ظَهَرَتْ القَيْنَاتُ وَالْمَعَازِفُ ، وَشُرِبَتِ الْخُمُوْرُ

( رَوَاه التِرمِذِي 2212)

ความว่า : รายงานจากอิมรอน บิน ฮุศัยนฺ เล่าว่า แท้จริงท่านนะบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า :ในประชาชาตินี้ จะได้รับการลงโทษด้วยก้อนหินที่ถูกขว้างลงมาจากฟากฟ้า  การลงโทษด้วยการสาป และการลงโทษด้วยการให้ธรณีสูบ

ชายคนหนึ่งลุกขึ้นกล่าวว่า : โอ้ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่หรือ?

ท่านกล่าวว่า : เมื่อเครื่องดนตรีและนักร้องปรากฎตัวให้เห็นอย่างแพร่หลายและเมื่อมีการดื่มสุรา

 ( บันทึกโดยติรมิซีย์ : 2212 )

.

.

.

  • ช.ช้าง

(1)  أَلَمْ تَرَ كَيْفَ فَعَلَ رَبُّكَ بِأَصْحَابِ الْفِيلِ

ความว่า :  เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า พระเจ้าของเจ้าได้กระทำกับพวกเจ้าของช้างอย่างไร ?

( ซูเราะฮ์ อัล-ฟีล : 1)

กองทัพช้าง

        

อับรอฮะฮ์ได้สร้างโบสถ์ขึ้นหลังหนึ่งในยะมัน แล้วก็ประกาศให้ชาวอาหรับทั้งหลายที่เคยไปประกอบพิธีฮัจญ์  ที่อัลก๊ะบ๊ะฮ์ ไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่โบสถ์ของตนแทน แต่ไม่มีใครไป ทำให้อับรอฮะฮ์โกรธมาก เขาจึงยกกองทัพทหารมากมายพร้อมกองทัพช้างจำนวนหนึ่ง  มุ่งมายังนครมักกะฮ์เพื่อต้องการทำลายอัลก๊ะบ๊ะฮ์ให้สิ้นซาก

.

พอถึงวันที่กำหนด อับรอฮะฮ์ ยกทัพมาทำลายอัลก๊ะบ๊ะฮ์ ช้างนำไม่ยอมนำทัพเข้า   มักกะฮ์ แม้ว่ามันจะถูกสับขอหนักอย่างไร มันก็ไม่ยอมไป แต่เมื่อให้มันบ่ายหน้าไปยัง ยะมัน มันก็จะรีบไปทันที

.

ในระหว่างที่กำลังชุลมุนกันอยู่นั้นเอง ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มมีฝูงนกบินมาเป็นกลุ่มๆฝูงใหญ่เป็นฝูงนกอะบาบีลที่ปากและเท้าทั้งสองของมันคีบหินมาด้วย หินทำมาจากดินแข็งที่มาจากสุดก้นบึ้งของนรก มีความร้อนกรุ่นด้วยไฟจากนรก ความแข็งของมันเปรียบเสมือนลูกกระสุนที่สามารถยิงเจาะเข้าร่างกายได้

.

ฝูงนกอะบาบีล ได้โจมตีกองทัพของอับรอฮะฮ์อย่างหนักหน่วง พวกมันปล่อยหินลงใส่ทหารเหล่านั้นจนทำให้กองทัพของอับรอฮะฮ์แตกกระเจิงอย่างสิ้นท่า ทหารล้มตายกันระเนระนาด บางส่วนพยายามหนีเอาตัวรอด แต่ก็หนีไม่พ้น ทำให้ทหารของอับรอฮะฮ์ดิ้นพรวดพราดด้วยความเจ็บปวด และล้มตายอย่างทุกข์ทรมาน

.

แผนการร้ายของอับรอฮะฮ์ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง  อับรอฮะฮ์ ถูกนกโปรยหินเข้าใส่ ตัวเขาและทหารไม่กี่คนได้เผ่นหนีกลับไปยะมัน ระหว่างทางก็ล้มเจ็บเพราะพิษจากหิน เนื้อหนังเริ่มเปื่อยยุ่ย หลุดเป็นชิ้นๆ พวกเขาพยายามกระเสือกกระสนไปจนถึงเมืองศอนอาอ์ เมืองหลวงของยะมัน และสุดท้ายก็จบชีวิตที่นั่น

http://www.islammore.com/view/925

http://www.islammore.com/view/4291

.

.

.

  • ซ.โซ่

:عَن أَبِيْ هُرَيْرَ ة رَضِيَ الله عَنْهُ قال : قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلّى الله عَلَيْهِ وَسَلّم

إِذَا كَانَ أَوَّلُ لَيْلَةٍ مِنْ شَهْرِ رَمَضَانَ صُفِّدَتْ الشَّيَاطِيْنُ وَمَرَدَةُ الْجِنّ

( رَوَاهُ التِرمِذِي 682 و َإِبنِ مَاجَه  1642 )

ความว่า : ท่านอบูฮุรอยเราะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า: ท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ​  วะซัลลัม กล่าวว่า :เมื่อย่างเข้าสู่ราตรีแรกของรอมฎอน เหล่าชัยฏอนและญินที่เกเรจะถูกล่ามพันธนาการ

( บันทึกโดยติรมีซีย์ : 682 และอิบนุมาญะฮ์ : 1642 )

.

.

.

  • ฌ.เฌอ

( 24 ) فَلْيَنظُرِ الْإِنسَانُ إِلَىٰ طَعَامِهِ 

( 25 )  أَنَّا صَبَبْنَا الْمَاءَ صَبًّا

 ( 26 )ثُمَّ شَقَقْنَا الْأَرْضَ شَقًّا 

 ( 28 )  فَأَنبَتْنَا فِيهَا حَبًّا ( 27 )  وَعِنَبًا وَقَضْبًا 

 ( 30 )  وَزَيْتُونًا وَنَخْلًا  ( 29 )  وَحَدَائِقَ غُلْبًا

 ( 32 ) وَفَاكِهَةً وَأَبًّا  ( 31 )   مَّتَاعًا لَّكُمْ وَلِأَنْعَامِكُمْ

ความว่า : ดังนั้น มนุษย์จงพิจารณาไปยังอาหารของเขาเถิด o แท้จริงเราได้หลั่งน้ำฝนอันอุดมสมบูรณ์ให้ตกลงมา  o แล้วเราได้แยกแผ่นดินออกอย่างแท้จริง  o และเราก็ให้เมล็ดพันธุ์พืชได้งอกเงยขึ้นจากในแผ่นดิน o และองุ่น และพืชผัก  o  และมะกอกและอินทผลัม o และเรือกสวนที่หนาทึบ ( ไปด้วยต้นไม้ต่าง ๆ ) o ตลอดจนบรรดาผลไม้และทุ่งหญ้า  o  ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สุขแก่พวกเจ้า และแก่ปศุสัตว์ของพวกเจ้า

( ซูเราะฮ์-อะบะซะ : 24-32 )

.

.

.

  • ญ.หญิง

    يا أَيُّهَا النَّبِيُّ قُل لِّأَزْوَاجِكَ وَبَنَاتِكَ وَنِسَاءِ الْمُؤْمِنِينَ يُدْنِينَ عَلَيْهِنَّ مِن جَلَابِيبِهِنَّ ذَٰلِكَ أَدْنَىٰ أَن يُعْرَفْنَ فَلَا يُؤْذَيْنَ وَكَانَ اللَّهُ غَفُورًا رَّحِيمًا

( 59 )

ความว่า :โอ้นะบีเอ๋ย ! จงกล่าวแก่บรรดาภริยาของเจ้า และบุตรสาวของเจ้า และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธา ให้พวกนางดึงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดตัวของพวกนาง นั่น เป็นการเหมาะสมกว่าที่นางจะเป็นที่รู้จัก เพื่อที่พวกนางจะไม่ถูกรบกวน และอัลเลาะฮ์ทรงเป็นผู้อภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ

( ซูเราะฮ์- อะฮ์ซาบ : 59 )

.

.

.

ฎ.ชฎา

 زُيِّنَ لِلنَّاسِ حُبُّ الشَّهَوَاتِ مِنَ النِّسَاءِ وَالْبَنِينَ وَالْقَنَاطِيرِ الْمُقَنطَرَةِ مِنَ الذَّهَبِ وَالْفِضَّةِ وَالْخَيْلِ الْمُسَوَّمَةِ وَالْأَنْعَامِ وَالْحَرْثِ ذَٰلِكَ مَتَاعُ الْحَيَاةِ الدُّنْيَا وَاللَّهُ عِندَهُ حُسْنُ الْمَآبِ

(14)

ความว่า : ได้ถูกทำให้สวยงาม (ลุ่มหลง) แก่มนุษย์ซึ่งความรักในบรรดาสิ่งที่เป็นเสน่ห์อันได้แก่ผู้หญิงและลูกชาย,ทองและเงินอันมากมาย และม้าดีและปศุสัตว์ และไร่นา นั่นเป็นสิ่งอำนวยประโยชน์ชั่วคราวในชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้เท่านั้น และอัลเลาะฮ์นั้น ณ พระองค์ คือที่กลับอันสวยงาม

( ซูเราะฮ์-อาละอิมรอน อายะฮ์ที่ : 14 )

.

.

.

  • ฏ.ปฏัก

عَنْ عَمْرِو بْنِ شُعَيْبٍ عَنْ أَبِيهِ عَنْ جَدِّهِ قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : مُرُوا أَوْلادَكُمْ بِالصَّلاةِ وَهُمْ أَبْنَاءُ سَبْعِ سِنِينَ ، وَاضْرِبُوهُمْ عَلَيْهَا وَهُمْ أَبْنَاءُ عَشْرٍ

( رَوَاهُ أبوداود 495 )

ความว่า : รายงานจาก​ อัมร​ บิน​ ชุอัยบ จากพ่อของเขาจากปู่ของเขา รายงานว่า :ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอะลัย ฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า :

ท่านทั้งหลายจงใช้ไห้ลูกๆละหมาดเมื่อพวกเขาอายุเจ็ดปี และจงตีพวกเขาได้ถ้าพวกเขาไม่ละหมาด (ไม่เชื่อฟัง) เมื่อพวกเขาอายุสิบปี

( รายงานโดยอบูดาวูด : 495 )

.

.

.

  • ฐ.ฐาน

 إِنَّ هَـذَا الْقُرْآن َيَهْدِي لِلَّتِي هِيَ أَقْوَمُ وَيُبَشِّرُ الْمُؤْمِنِينَ الَّذِينَ يَعْمَلُونَ الصَّالِحَاتِ أَنَّ لَهُمْ أَجْرًا كَبِيرًا

( 9 )

ความว่า : แท้จริงอัลกุรอานนี้นำสู่ทางที่เที่ยงตรงยิ่งและแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาที่ประกอบความดีทั้งหลายว่า สำหรับพวกเขานั้นจะได้รับการตอบแทนอันยิ่งใหญ่

( ซูเราะฮ์ อัล-อิสรออ์ : 9 )

อัลกุรอาน คือพระดำรัสของอัลเลาะฮ์ที่ประทานแก่ท่านนะบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะซัลลัม ผ่านมลาอิกะฮ์ญิบรีล เป็นคัมภีร์เล่มสุดท้ายของอัลเลาะฮ์แก่มนุษยชาติ  เพื่อเป็นทางนำสำหรับมนุษย์ไปสู่การมีชีวิตที่มีความสงบสุขในโลกนี้และโลกหน้า

https://islamhouse.com/th/articles/57562/

.

.

.

  • ฑ.นางมณโฑ 
  • ฑ.นางมณโฑ อยู่ในเรื่องเล่า แต่สาวที่สวยที่สุด คือ สาวสวรรค์ ซึ่งไม่มีมนุษย์และญินคนใดแตะต้องพวกนางมาก่อนดังที่ อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ตรัสว่า :

( 56 ) فِيهِنَّ قَاصِرَاتُ الطَّرْفِ لَمْ يَطْمِثْهُنَّ إِنسٌ قَبْلَهُمْ وَلَا جَانٌّ

ความว่า : ในสวนสวรรค์เหล่านั้นมีหญิงสาวพรหมจารี ผู้ลดสายตาลง เฉพาะสามีของนางเท่านั้น ซึ่งไม่มีมนุษย์ และไม่มีญินแตะต้องพวกนางมาก่อนเลย

( 58 ) كَأَنَّهُنَّ الْيَاقُوتُ وَالْمَرْجَانُ

ความว่า : คล้ายกับว่าพวกนางเป็นทับทิม และปะการัง

( ซูเราะฮ์ อัร-เราะฮ์มาน: 56,58 )

อธิบาย : ท่านฮะซันและบรรดานักตัฟซีรได้กล่าวว่า : “คือทับทิมที่มีความบริสุทธิ์ และสีขาวนวลของปะการัง”

( 23 ) وَحُورٌ عِينٌ ( 22 ) كَأَمْثَالِ اللُّؤْلُؤِ الْمَكْنُونِ

ความว่า : และหญิงสาวที่มีนัยน์ตาคมสวยงาม ประหนึ่งไข่มุกที่ถูกพิทักษ์รักษาไว้อย่างดี

( ซูเราะฮ์ อัล-วากิอะฮ์ : 22-23 )

.

.

.

  • ฒ.ผู้เฒ่า

 وَقَضَىٰ رَبُّكَ أَلَّا تَعْبُدُوا إِلَّا إِيَّاهُ وَبِالْوَالِدَيْنِ إِحْسَانًا إِمَّا يَبْلُغَنَّ عِندَكَ الْكِبَرَ أَحَدُهُمَا أَوْ كِلَاهُمَا فَلَا تَقُل لَّهُمَا أُفٍّ وَلَا تَنْهَرْهُمَا وَقُل لَّهُمَا قَوْلًا كَرِيمًا

( 23 )

ความว่า : และพระเจ้าของเจ้าบัญชาว่า พวกเจ้าอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้นและจงทำดีต่อบิดามารดา เมื่อผู้ใดในทั้งสองหรือทั้งสองบรรลุสู่วัยชราอยู่กับเจ้า ดังนั้นอย่ากล่าวแก่ทั้งสองว่า อุฟ ! และอย่าขู่เข็ญท่านทั้งสอง และจงพูดแก่ท่านทั้งสองด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยน

( ซูเราะฮ์ อัล-อิสรออ์ : 23 )

.

.

.

  • ณ เณร

عَن أَنَس بْنِ مَالِكٍ قَالَ :عَن النبيِّ صلَّى اللهُ عليهِ وسلَّم أنه قالَ : طَلَبُ العِلْمِ فَرِيْضَةٌ عَلَىْ كُلِّ مُسْلِمٍ

( 224 رَوَاه ابْن مَاجَه )

ความว่า : รายงานจากอนัส บิน​  มาลิก กล่าวว่า ท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า : การศึกษาหาความรู้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมุสลิมทุกคน

( บันทึกโดยอิบนิมาญะฮ์ : 224 )

.

 (6 ) لَكُمْ دِينُكُمْ وَلِيَ دِينِ

ความว่า : สำหรับพวกท่านก็คือศาสนาของพวกท่าน และสำหรับฉันก็คือศาสนาของฉัน

(ซูเราะฮ์ อัลกาฟิรูน : 6)

.

  • ด.เด็ก

عَنْ عَمْرِو بْنِ شُعَيْبٍ عَنْ أَبِيهِ عَنْ جَدِّهِ قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : مُرُوا أَوْلادَكُمْ بِالصَّلاةِ وَهُمْ أَبْنَاءُ سَبْعِ سِنِينَ ، وَاضْرِبُوهُمْ عَلَيْهَا وَهُمْ أَبْنَاءُ عَشْرٍ

( أخْرَجَه أبودَاوُد 495  )

ความว่า : รายงานจากอัมร บิน ชุอัยบ จากพ่อของเขา จากปู่ของเขา รายงานว่า ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

กล่าวว่า :  ท่านทั้งหลายจงใช้ไห้ลูกๆละหมาดเมื่อพวกเขาอายุเจ็ดปี และจงตีพวกเขาได้ถ้าพวกเขาไม่ละหมาด ( ไม่เชื่อฟัง ) เมื่อพวกเขาอายุสิบปี

 ( รายงานโดยอบูดาวูด : 495 )

عَنْ عَمْرِو بْنِ شُعَيْبٍ ، عَنْ أَبِيهِ ، عَنْ جَدِّهِ ، قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ

لَيْسَ مِنَّا مَنْ لَمْ يَرْحَمْ صَغِيرَنَا ، وَيَعْرِفْ شَرَفَ كَبِيرِنَا 

 (1920 أخرجه أبو داود )

ความว่า : รายงานจาก อัมร บินชุอัยบ จากพ่อของเขา จากปู่ของเขา กล่าวว่า ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า : ไม่ใช่พวกเรา ผู้ที่ไม่เมตตาและเอ็นดูเด็กๆ และผู้ที่ไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่

 ( รายงานโดย ติรมีซีย์ : 1920 )

.

.

.

  • ต.เต่า

  (155)  وَلَنَبْلُوَنَّكُمْ بِشَيْءٍ مِنَ الْخَوْفِ وَالْجُوْعِ وَنَقْصٍ مِنَ الأَمْوَالِ وَالأَنْفُسِ وَالثَّمَرَاتِ وَبَشِّرِالصَّابِرِيْنَ

ความว่า : และเรา (อัลเลาะฮ์) จะทดสอบพวกเจ้าบางประการ จากความกลัว ความหิว ขาดทรัพย์สิน ตัวตน และผลไม้ต่างๆ และจงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้อดทน

(ซูเราะฮ์ อัล-บะเกาะเราะฮ์ :155)

ความอดทน

         เต่าเป็นสัตว์เลื้อยคลาน ที่เคลื่อนไหวได้ช้า ซึ่งมันต้องใช้ความอดทนเป็นระยะเวลานานในการไปถึงจุดมุ่งหมายในแต่ละครั้ง แต่ทุกย่างก้าวของมันมีความมุ่งมั่นและมั่นคง เช่นเดียวกับ นะบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ที่ท่านต้องใช้ความพยายาม ความอดทน ไม่ย้อท้อต่ออุปสรรคเพื่อจะเชิญชวนผู้คนเข้ารับอิสลามแม้จะโดนกลั่นแกล้งโดยการถูกตัดสัมพันธ์ เป็นเวลา  3 ปี

         เมื่อพวกกุเรชเห็นว่าไม่สามารถหยุดยั้งการทำหน้าที่เชิญชวนผู้คนเข้ารับอิสลามได้  กลับมีผู้คนเข้ารับอิสลามเพิ่มมากขึ้น พวกเขาจึงเรียกประชุมชาวกุเรชทั้งหมดโดยมีเผ่ากินานะฮ์ร่วมอยู่ด้วย เพื่อทำการตัดความสัมพันธ์กับตระกูล บะนีฮาชิม และตระกูล อัลมุฏฏอลิบ ด้วยการไม่แต่งงาน ไม่ค้าขาย และไม่พูดจาด้วย จนกว่าจะยอมส่งท่านนะบี มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มาให้พวกเขาฆ่า

        อบูฏอลิบ ตระกูล บะนีฮาชิม และตระกูล อัลมุฏฏอลิบ ที่มีทั้งมุสลิม และผู้ปฏิเสธ จึงต้องเข้าไปอยู่ในบริเวณ شعب عامر ที่ถูกปิดล้อมกักกันบริเวณอยู่นานถึงสองหรือสามปี สร้างความลำบาก ทุกข์ยาก หิวโหย และจะออกไปทำธุระ  ไปฏอวาฟ ณ บัยตุลเลาะฮ์  หรือออกไปตลาดเมื่อมีกองคาราวานสินค้ามาถึงเพื่อขอปันส่วนอาหารก็ไม่ได้

         จนในที่สุดบรรดาผู้อาวุโสชาวกุเรชห้าคนต่างรู้สึกเวทนาสงสาร จึงประชุมกันและลงมติประกาศยกเลิกพันธสัญญาข้อตกลงที่กดขี่ข่มเหง และได้ฉีกพันธสัญญาที่ได้ลงนามกันไว้นั้นเสีย จึงทำให้ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ตระกูล บะนีฮาชิม และตระกูล อัลมุฏฏอลิบ หลุดพ้นจากการปิดล้อมดังกล่าว และการปิดล้อมนั้นกลับยิ่งทำให้ท่านนะบี  ยืนหยัดที่จะเดินหน้าทำการเผยแพร่อิสลามต่อไป

.

.

.

  • ถ.ถุง

 عَنِ ابْنِ عُمَرَ رَضِيَ اللهُ عَنْهُمَا قَالَ : فَرَضَ رَسُولُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ زَكَاةَ الْفِطْرِ صَاعًا مِنْ تَمْرٍ، أَوْ صَاعًا مِنْ شَعِيْرٍ، عَلَى الْعَبْدِ وَالْحُرِّ، وَالذَّكَرِ وَالأُنْثٰى، وَالصَّغِيرِ وَالْكَبِيرِ مِنَ الْمُسْلِمِينَ، وَأَمَرَ بِهَا أَنْ تُؤَدَّى قَبْلَ خُرُوجِ النَّاسِ إِلَى الصَّلاَةِ

. (البخاري رقم 1407 )

ความว่า : จากอิบนุ อุมัร ร่อฎิยัลลอฮฺ อันฮุมา เล่าว่า ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้กำหนดให้บรรดามุสลิมต้องจ่ายซะกาตฟิฏเราะฮ์ด้วยอินทผลัมแห้งหรือข้าวสาลีจำนวนหนึ่งศออ์ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นเสรีชนหรือเป็นทาส ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เด็กและคนแก่ ในหมู่คนที่เป็นมุสลิม

( ทุกคนต้องจ่ายซะกาตฟิฏเราะฮ์ทั้งสิ้น ) ท่านได้สั่งให้จ่ายมันก่อนออกไปละหมาดในเช้าวันอีด

( บันทึกโดย บุคอรีย์ 1407 )

.

.

.

  • ท.ทหาร

 

عَنْ قَيْسِ بْنِ أَبِي حَازِمٍ قَالَ سَمِعْتُ خَالِدَ بْنَ الْوَلِيدِ يَقُولُ

لَقَدْ انْقَطَعَتْ فِي يَدِي يَوْمَ مُؤْتَةَ تِسْعَةُ أَسْيَافٍ ، فَمَا بَقِيَ فِي يَدِي إِلا صَفِيحَةٌ يَمَانِيَةٌ

(صَحِيْحُ البُخَارِي 4265  )

 

ความว่า : รายงานจาก กอยส์ กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านคอลิด​ บิน​ วะลีดกล่าวว่า  : ในวันสงครามมุอ์ตะฮ์นั้นดาบในมือฉันหักเก้าเล่ม ไม่เหลือในมือฉันนอกจาก โล่ห์ เท่านั้น

( เศาะฮีห์ บุคอรีย์ : 4265 )

คอลิด บิน วะลีด

  • คอลิด บิน วะลีด เป็นลูกของพี่สาวของท่านหญิงมัยมูนะฮ์ บินตี อัล-ฮาริษ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา ( ภรรยาของท่านนะบี  ) เขาเป็นชายร่างใหญ่ แข็งแรงบึกบึน คล้ายกับอุมัร บิน ค็อฏฏอบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ มากที่สุด

    ซอฮาบะฮ์ท่านนี้มีความกล้าหาญและทุ่มเท ให้ความช่วยเหลือศาสนาอิสลาม เช่น ในสงครามมุอ์ตะฮ์ที่ ซึ่งเกิดขึ้นในปีที่ 8 ฮิจญ์เราะฮ์ ปีเดียวกันกับที่ท่านคอลิดเข้ารับอิสลาม ทหารมุสลิมมีจำนวน 3,000  คน ในขณะที่ทหารโรมันมีจำนวนถึง 200,000 คน

    ท่านนะบี   ได้แต่งตั้งผู้นำทัพให้แก่ ซัยด์ บิน ฮาริซะฮ์ หากเขาถูกฆ่า ก็ให้ท่านญะฟัร บิน อบี ฏอลิบ นำแทน และหาก ญะฟัรตายก็ให้ อับดุลเลาะฮ์ บิน ร่อวาฮะฮ์ นำทัพต่อ สุดท้ายทั้งหมดก็ตายชะฮีด                                                                                                                                     

  • หลังจากนั้นท่าน ซาบิต บิน อัรก็อม ได้คว้าธงรบชูไว้ แล้วถามบรรดาทหารมุสลิมว่า พวกท่านจงแต่งตั้งผู้นำทัพของเราหนึ่งคน  แล้วพวกเขาก็เลือก คอลิด บิน วะลีด  ท่านได้เริ่มจัดขบวนทหารใหม่โดยให้ทหารที่รบด้านขวาย้ายไปด้านซ้ายและให้ทหารบางส่วนมาอยู่แนวหลัง ให้ดูเหมือนว่า มีกองหนุนเพิ่มมา เพื่อทำลายขวัญของศัตรู แล้วให้มุสลิมบุกหนัก เพื่อให้โรมันถอยและเสียขวัญ  และด้วยความฉลาดของท่าน ท่านได้ใช้วิธีการที่แยบยลในการถอยทัพอย่างเป็นระบบ และจบการสู้รบเพียงเท่านั้นเพราะท่านเห็นว่าไม่ควรสู้ต่อไปเพราะจำนวนทหาร และท่านนะบี ได้ให้สมญาการถอยทัพนี้ว่าเป็นชัยชนะ ท่านได้กล่าวขณะที่ท่านสดุดีเกียรติของ   แม่ทัพทั้งสามที่ตายไปว่า แล้วธงรบก็ถูกถือโดยดาบหนึ่งจากบรรดาดาบของอัลเลาะฮ์ จนกระทั่งอัลเลาะฮ์ได้ให้ชัยชนะ

  • ( เศาะฮีห์ บุคอรีย์ : 3757 )

https://islamhouse.com/th/articles/384178/

.

.

.

  • ธ.ธง

عَن عَبْدِ الله بن عُمَر رَضِيَ الله عَنهُمَا قَال: أَمَرَ رَسُوْلُ اللهِ صَلّى الله عَلَيْهِ وَسَلّم فِي غَزْوَة مُؤْتَة زَيْد بن حَارِثَة

 :فَقَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلّى الله عَلَيْهِ وَسَلّم

إِنْ قُتِلَ زَيد فَجَعْفَر وإِنْ قُتِلَ جَعْفَر فَعَبْد الله بِن رَوَاحَةِ. قَال عَبْدُ الله: كُنْتُ فِيْهِمْ فيِ تِلْك الغَزْوَة فَالتَّمَسّنَا جَعْفَر بن أَبِي طَالِب فَوَجَدْنَاهُ فِي القتلى، وَوَجَدْنَا مَا فِي جَسَدِهِ بِضْعاً وتِسْعِين مِن طَعْنَة وَرَمِّيّة

( أخْرَجَه البُخَارِي 4013   )

ความว่า : รายงานจากอับดุลเลาะฮ์ บิน อุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา กล่าวว่า ในสงครามมุอ์ตะอ์ท่านร่อซู้ลมีคำสั่งใช้ให้ซัยด์ บิน ฮารีซะฮ์ เป็นแม่ทัพ หากซัยด์ถูกสังหาร ให้ญะฟัรขึ้นนำทัพต่อ หากญะฟัรถูกสังหาร ให้อับดุลเลาะฮ์บินร่อวาฮะฮ์ นำทัพต่อ อับดุลเลาะฮ์ กล่าวต่อว่า : ฉันอยู่ร่วมสงครามกับพวกเขา เมื่อญะฟัร ถูกฆ่าตาย ร่างกาย (ศพ) ของท่านเต็มไปด้วยบาดแผลมากกว่า 90 แผลจากการถูกแทงด้วยหอก

( บันทึกโดยบุคอรีย์ : 4013 )

ญะฟัร บินอบี ฏอลิบ

                ท่านญะฟัร บินอบี ฏอลิบ บิน อับดุลมุฏฏอลิบ อิบนุ ฮาชิม อิบนุ อับดุลมะนาฟ อิบนุ กุศ็อย อัลฮาชิมีย์ เป็นพี่ชายของท่านอะลี อิบนุ อบี ฏอลิบ ท่านญะฟัรมีอายุแก่กว่าท่านอะลี   10 ปี เป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่านนะบี  ท่านเกิดที่เมืองมักกะฮ์และได้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม

            ท่านญะฟัรได้ทำอพยพถึงสองครั้ง ครั้งแรกอพยพไปฮะบะชะฮ์ ( ประเทศเอธิโอเปีย ) และจากฮะบะชะฮ์ไปนครมะดีนะฮ์ หลังจากที่ได้มีการอพยพออกมาแล้ว ท่านญะฟัรได้พำนักอยู่ที่นครมะดีนะฮ์เป็นเวลาหลายเดือน ต่อมาท่านร่อซู้ล  มีคำสั่งให้ท่านญะฟัรนำกองทหารออกไปทำสงคราม

            สงคราม มุอ์ตะฮ์ เกิดขึ้นในปีที่ 8 ของ การฮิจเราะฮ์ โดยครั้งนี้ ท่าน ร่อซู้ล ได้ส่งกองทัพ เป็นจำนวน 3,000  คน ไปสู้กับพวกโรม โดยแต่งตั้ง ซัยด์ บิน ฮารีซะฮ์ เป็นแม่ทัพ หากท่าน ซัยด์ ถูกสังหารตาย ก็ให้ท่านญะฟัร บิน อบีฏอลิบ เป็นแม่ทัพในการถือธงต่อ เมื่อท่านญะฟัร ต่อสู้กับศัตรูท่านได้ถูกฟันแขนข้างขวา  ท่านก็ถือธงด้วยแขนข้างซ้าย แขนข้างซ้ายก็ถูกตัด ท่านก็ใช้ไหล่ทั้งสองหนีบธงไว้ และทหารของพวกโรม ก็ได้สังหารท่าน และท่านได้ตายชะฮีดในสงครามครั้งนี้ ท่านได้รับขนานนามว่า เจ้าของปีกทั้งสอง ( ญะฟัร อัฏฏอยยาร)

https://islamhouse.com/ar/audios/203897

.

.

  • น.หนู

 

 :عَن أَبِي مَالِك الحَارِث بن عَاصِم الأَشْعَرِي رَضِيَ اللهُ عَنهُ قال

قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلّى الله عَلَيْهِ وَسَلّم :  اَلطَّهُوْرُ شَطْرُ اْلإِيْمَان

( رَوَاهُ مُسلِم  223 )

ความว่า : รายงานจาก อบีมาลิก อัลฮารีซะฮ์ บิน อาซิม อัล อัชอารีย์ กล่าวว่า : ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า : ความสะอาดเป็นครึ่งหนึ่งของการศรัทธา

(บันทึกโดยมุสลิม : 223)

.

.

.

  • บ.ใบไม้

( 16 ) لنُخْرِجَ بِهِ حَبًّا وَنَبَاتًا ( 15 ) وَجَنَّاتٍ أَلْفَافًا

ความว่า : เพื่อว่าเราจะให้งอกเงยด้วยน้ำนั้นซึ่งเมล็ดพืช และพืชผัก และบรรดาเรือกสวนอันหนาแน่น

( ซูเราะฮ์ อันนะบะอ์ 15-16 )

* คือเราได้ให้น้ำฝนหลั่งลงมาจากก้อนเมฆ เพื่อให้น้ำฝนนั้นไหลกระจายออกไปเพื่อทำให้เมล็ดพืชและพืชผักต่างๆตลอดจนเรือกสวนที่มีผลไม้งอกเงยออกมาเป็นอาหารแก่มนุษย์และสัตว์

.

.

.

  • ป.ปลา

 ( 139 )وَإِنَّ يُونُسَ لَمِنَ الْمُرْسَلِينَ 

 ( 140 )  إِذْ أَبَقَ إِلَى الْفُلْكِ الْمَشْحُونِ

 ( 141 ) فَسَاهَمَ فَكَانَ مِنَ الْمُدْحَضِينَ 

 ( 142 )   فَالْتَقَمَهُ الْحُوتُ وَهُوَ مُلِيمٌ 

 ( 143 ) فَلَوْلَا أَنَّهُ كَانَ مِنَ الْمُسَبِّحِينَ

  ( 144 ) لَلَبِثَ فِي بَطْنِهِ إِلَىٰ يَوْمِ يُبْعَثُونَ 

  ( 145 )  فَنَبَذْنَاهُ بِالْعَرَاءِ وَهُوَ سَقِيمٌ

   ( 146 )وَأَنبَتْنَا عَلَيْهِ شَجَرَةً مِّن يَقْطِينٍ

 ( 147 )  وَأَرْسَلْنَاهُ إِلَىٰ مِائَةِ أَلْفٍ أَوْ يَزِيدُونَ

 ( 148 )  فَآمَنُوا فَمَتَّعْنَاهُمْ إِلَىٰ حِينٍ 

ความว่า : และแท้จริง ยูนุสนั้นอยู่ในหมู่ผู้ที่ถูกส่งมาเป็นร่อซู้ล o จงรำลึก ขณะที่เขาได้หนีไปยังเรือที่บรรทุกผู้คนเต็มเพียบ o ดังนั้น ยูนุสได้เข้าร่วมจับฉลาก แล้วเขาจึงอยู่ในหมู่ผู้ถูกพิชิต ( แพ้ในการจับฉลาก ) o แล้วปลาตัวใหญ่ได้กลืนเขา และเขาสมควรที่จะถูกตำหนิ o หากว่าเขามิได้เป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้แซ่ซ้องสดุดีแล้ว o แน่นอน เขาจะอยู่ในท้องปลาจวบจนกระทั่งวันฟื้นคืนชีพ o แล้วเราได้เหวี่ยงเขาขึ้นบนที่โล่งริมฝั่ง ในสภาพที่ป่วย o และเราได้ให้มีต้นไม้ (พันธุ์ไม้เลื้อย) น้ำเต้างอกเงยขึ้น ปกคลุมตัวเขา o และเราได้ส่งเขาไปยัง (หมู่บ้านของเขา) มีจำนวนหนึ่งแสนคนหรือเกินกว่านั้น o แล้วพวกเขาก็ศรัทธา ดังนั้น เราจึงปล่อยให้พวกเขามีความสุขสำราญชั่วระยะเวลาหนึ่ง

 ( ซูเราะฮ์ อัศ-ศอฟาต : 139-148 )

وَذَا النُّونِ إِذ ذَّهَبَ مُغَاضِبًا فَظَنَّ أَن لَّن نَّقْدِرَ عَلَيْهِ فَنَادَىٰ فِي الظُّلُمَاتِ أَن لَّا إِلَٰهَ إِلَّا أَنتَ سُبْحَانَكَ إِنِّي كُنتُ

مِنَ الظَّالِمِينَ ( 87 )  فَاسْتَجَبْنَا لَهُ وَنَجَّيْنَاهُ مِنَ الْغَمِّ وَكَذَٰلِكَ نُنجِي الْمُؤْمِنِينَ

(88)

ความว่า : และจงรำลึกถึงเรื่องราวของซันนูน (นะบียูนุส) เมื่อเขาจากไปด้วยความโกรธพรรคพวกของเขา แล้วเขาคิดว่าเราจะไม่ทำให้เขาได้รับความลำบาก แล้วเขาก็ร้องเรียนท่ามกลางความมืดทึบทะมึนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ท่าน มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ท่าน แท้จริงข้าพระองค์เป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้อธรรมทั้งหลาย ,ดังนั้นเราได้ตอบรับการร้องเรียนของเขาและเราได้ช่วยให้เขารอดพ้นจากความทุกข์ระทม และเช่นเดียวกันนี้ เราช่วยบรรดาผู้ศรัทธา

(ซูเราะฮ์ อัล-อันบิยาอ์ : 87-88)

หมายเหตุ : ดุอาอ์ที่ท่านนะบี ยูนุสขอขณะอยู่ในท้องปลาวาฬ

ท่านนะบี ยูนุส

อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ส่งท่าน นะบียูนุสไปยังเมือง “นีนะวา”  ท่านเชิญชวนชาวเมืองสู่หนทางของพระองค์แต่พวกเขาดื้อดึงปฏิเสธ

เมื่อเวลาผ่านไปและพวกเขายังคงปฏิเสธ ท่านจึงออกมาจากเมืองนั้นและขึ้นเรือออกสู่ทะเล ทันใดนั้นเกิดความปั่นป่วนในท้องทะเลคลื่นใหญ่โหมใส่พวกเขา เรือเริ่มหนักและพวกเขาเกือบจะจม พวกเขาจึงปรึกษากันให้มีการจับสลาก โดยชื่อใดที่ถูกจับได้พวกเขาจะโยนผู้นั้นลงจากเรือเพื่อที่เรือจะได้เบาขึ้น

.

 เมื่อพวกเขาจับสลากได้ชื่อของท่านนะบี ยูนุส พวกเขาไม่อยากที่จะโยนท่านลงทะเล จึงเริ่มจับสลากใหม่เป็นครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ชื่อของท่านก็ถูกจับขึ้นมา เป็นความประสงค์ของ   อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ที่จะให้มีเรื่องราวอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นกับท่าน

.

อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ส่งปลาตัวใหญ่มากลืนท่าน โดยสั่งไม่ให้มันกินเนื้อหรือหักกระดูกของท่าน เพราะท่านไม่ใช่อาหารของมัน ปลาใหญ่จึงนำท่านไปสู่ท้องทะเล  เมื่ออยู่ในท้องปลาใหญ่ ท่านคิดว่าท่านเสียชีวิตแล้ว แต่เมื่อลองขยับตัว ร่างกายก็ขยับได้ ท่านรู้ทันทีว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านจึงรีบก้มสุญูดต่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา แล้วกล่าวว่า :  “โอ้ พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้เคารพสักการะพระองค์ ณ สถานที่ซึ่งไม่มีผู้ใดเคารพสักการะพระองค์เสมอเหมือนข้าพระองค์ได้”

.

เมื่อเป็นเช่นนั้น อัลเลาะฮ์ ตะอาลา จึงสั่งให้ปลาใหญ่คายท่านไว้ ณ ผืนดินที่ปราศจากมนุษย์ ต้นไม้ หรือร่มเงา ในสภาพที่ท่านป่วย  แล้วอัลเลาะฮ์ ตะอาลา ทรงบันดาลให้ต้นไม้งอกเงยเป็นร่มเงาอันร่มเย็นให้แก่ท่าน พระองค์ทรงเมตตาท่าน และส่งท่านกลับไปยังหมู่บ้านของท่าน ท่านเริ่มเชิญชวนพวกเขาสู่ทางของอัลเลาะฮ์ ตะอาลา อีกครั้ง พวกเขาก็ศรัทธา การศรัทธาของชาวบ้านจึงกลายเป็นความดีในตราชั่งของท่าน ทั้งนี้ อัลเลาะฮ์ทรงระงับการลงโทษพวกเขา ทั้งที่มีมูลเหตุของการถูกลงโทษเกิดขึ้นแล้ว

http://www.islammore.com/view/3390

.

.

.

  • ผ ผึ้ง

وَأَوْحى رَبُّكَ إِلَى النَّحْلِ أَنِ اتَّخِذِي مِنَ الْجِبالِ بُيُوتًا وَمِنَ الشَّجَرِ وَمِمَّا يَعْرِشُونَ   ثُمَّ كُلِي مِن كُلِّ الثَّمَرَاتِ فَاسْلُكِي سُبُلَ رَبِّكِ ذُلُلًا يَخْرُجُ مِن بُطُونِهَا شَرَابٌ مُّخْتَلِفٌ أَلْوَانُهُ فِيهِ شِفَاءٌ لِّلنَّاسِ

 ( 68-69 ) إِنَّ فِي ذَٰلِكَ لَآيَةً لِّقَوْمٍ يَتَفَكَّرُونَ

ความว่า : และพระเจ้าของเจ้าทรงดลใจแก่ผึ้งว่า จงทำรังตามภูเขาและตามต้นไม้ และตามที่พวกเขามนุษย์ทำร้านขึ้น และเจ้าผึ้งจงกินจากผลไม้ทั้งหลาย แล้วจงดำเนินตามทางของพระเจ้าของเจ้า โดยสะดวกสบาย มีเครื่องดื่มที่มีสีสันต่างๆอกมาจากท้องของมัน ในนั้นมีสิ่งบำบัดแก่ปวงมนุษย์ แท้จริงในการนั้นแน่นอนย่อมเป็นสัญญาณแก่กลุ่มชนผู้ตรึกตรอง

(ซูเราะฮ์ อัน-นะห์ล: 68-69)

.

.

.

  • ฝ ฝา

 :عَن جَابِر رَضِيَ الله عَنهُ قَال : قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلّى الله عَلَيْهِ وَسَلّم

أَطْفِئُوا المَصَابِيْـحَ بِاللَّيلِ إذَا رَقَدْتُـمْ، وَأَغْلِقُوا الأَبْوَابَ، وَأَوْكِئُوا الأَسْقِيَةَ، وَخَـمِّرُوا الطَّعَامَ وَالشَّرَابَ

(  رَوَاه البُخَارِي 3280  ومُسْلِم  2012)

ความว่า : มีรายงานจากญาบิร ร่อฎิยัลลอฮุ อันฮุ เล่าว่าท่านร่อซูลุ้ลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้กล่าวว่า :  พวกท่านจงดับตะเกียงในตอนกลางคืนเมื่อพวกท่านจะนอน จงปิดประตูลงกลอน จงปิดมัดปากภาชนะที่ใส่น้ำให้มิดชิด และจงปิดครอบอาหารและเครื่องดื่ม

( บันทึกโดยบุคอรีย์ : 3280  และมุสลิม : 2012 )

.

.

.

  • พ.พาน

  :عَنْ ثَوْبَانَ  خَادِم النَّبِيِّ صَلّى الله عَلَيْهِ وَسَلّم قَالَ : قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلّى الله عَلَيْهِ وَسَلّم

مَن عَادَ مَرِيضًا لَم يَزِل فِي خرْفَةِ الجَنَّة حَتّى يَرجِع

 ( رَوَاه  مُسْلِم 2568 )

ความว่า : มีรายงานจากเษาบาน ซึ่งเป็นคนรับใช้ของท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

กล่าวว่า:ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า : ผู้ใดเดินทางไปเยี่ยมคนไข้เขาจะคงอยูในสภาพของผู้ที่เก็บเกี่ยวผลพวงแห่งสรวง สวรรค์จนกว่าเขาจะเดินทางกลับ

 ( บันทึกโดยมุสลิม : 2568 )

        การเยี่ยมผู้ป่วยนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยสร้างสายสัมพันธ์กับผู้คนในสังคมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วยเหตุนี้อิสลามจึงส่งเสริมและสนับสนุน ให้มีการเยี่ยมเยียนผู้ป่วยและเป็นมารยาท ที่เวลาเราเยี่ยมญาติผู้ใหญ่หรือผู้ป่วย เราจะนำของใส่กระเช้า พาน ไปเยี่ยมท่าน และถามสารทุกข์สุขดิบและให้กำลังใจ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และทำให้พวกท่านรู้สึกอบอุ่น

.

.

.

  • ฟ.ฟัน

 :عَن أَبِيْ هُرَيْرَ ة رَضِيَ الله عَنْهُ قال : قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلّى الله عَلَيْهِ وَسَلّم

لَوْلَا أَنْ أَشُقَّ عَلَى أُمَّتِي أَوْلَوْلَا أَنْ أَشُقَّ عَلَى النَّاسِ لَأَمَرْتُهُمْ بِالسِّوَاكِ مَعَ كُلِّ صَلَاةٍ

(  رواه البُخَارِي 887  ومُسْلِم 252 )

ความว่า : มีรายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุว่า ท่านร่อซูลุ้ลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า :หากฉันไม่เกรงว่าจะเกิดความลำบากแก่ประชาชาติของฉันแล้ว หรืออีกสายรายงานหนึ่งว่า หากฉันไม่เกรงว่าจะเกิดความลำบากแก่มนุษย์แล้วฉันจะใช้ให้พวกเขาแปรงฟันทุกครั้งก่อนละหมาด

( บันทึกโดยบุคอรีย์ : 887 และมุสลิม : 252 )

.

.

.

  • ภ.สำเภา

عَنِ ابْنِ عُمَرَ رضي الله عنه قَالَ: قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم

بُنِيَ الإِسْلاَمُ عَلَى خَمْسٍ شَهَادَةِ أَنْ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ وَأَنَّ مُحَمَّدًا عَبْدُهُ وَرَسُولُهُ وَإِقَامِ الصَّلاَةِ وَإِيتَاءِ الزَّكَاةِ وَحَجِّ الْبَيْتِ وَصَوْمِ رَمَضَان

( 16رواه مسلم )

ความว่า จากอิบนิ อุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา กล่าวว่า ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :

“อิสลามนั้นตั้งอยู่บน 5 ประการด้วยกัน คือ การปฏิญาณตนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์ นะบีมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของพระองค์ การดำรงไว้ซึ่งการละหมาด การจ่ายซะกาต การทำฮัจญ์ ณ บัยติลลาฮ์ การถือศีลอดในเดือนรอมฎอน”

( บันทึกโดยมุสลิม 16 )

ดุอาอ์ เมื่อขึ้นยานพาหนะ

سُبْحَانَ الَّذِي سَخَّرَ لَنَا هَذَا وَمَا كُنَّا لَهُ مُقْرِنِينَ  وَإِنَّا إِلَىٰ رَبِّنَا لَمُنقَلِبُونَ

( 13 ) 

ความว่า : มหาบริสุทธิ์ผู้ทรงให้พาหนะนี้เป็นความสะดวกแก่เรา และเรานั้นไม่สามารถจะควบคุมมันได้ และแท้จริงเราจะต้องเป็นผู้กลับไปสู่พระเจ้าของเราอย่างแน่นอน

( ซูเราะฮ์ อัซ-ซุครุฟ : 13 )

.

.

.

  • ม.ม้า

 

( 8 ) وَالْخَيْلَ وَالْبِغَالَ وَالْحَمِيرَ لِتَرْكَبُوهَا وَزِينَةً وَيَخْلُقُ مَا لَا تَعْلَمُونَ

ความว่า : และม้า และล่อ และลา เพื่อพวกเจ้าจะได้ขี่มันและเป็นเครื่องประดับ และพระองค์ยังทรงสร้างสิ่งอื่นๆ ที่พวกเจ้าไม่รู้

( ซูเราะฮ์ อัน-นะห์ล : 8 )

1.คือ อัลเลาะฮ์ทรงสร้างสัตว์เหล่านี้มาเพื่อเป็นประโยชน์ เป็นพาหนะในการขี่และแบกขนสัมภาระ

2.และในยุคปัจจุบันการสื่อสารคมนาคมได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่เป็นที่รู้จักกันในอดีต ด้วยเหตุนี้

กุรอานจึงใช้สำนวนคาดการณ์ในอนาคตใกล้ไกล เพื่อสติปัญญาจะรองรับสิ่งที่วิทยาการจะคิดค้นได้ในอนาคต

.

  • ย.ยักษ์

 ( 27 ) قَالَ قَرِينُهُ رَبَّنَا مَا أَطْغَيْتُهُ وَلَٰكِن كَانَ فِي ضَلَالٍ بَعِيدٍ

ความว่า : ( ชัยฏอน ) สหายของเขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเรา ข้าพระองค์มิได้ทำให้เขาหลงผิดดอกแต่ทว่าเขาได้อยู่ในการหลงผิดมาก่อนแล้ว

( ซูเราะฮ์ -กอฟ : 27 )

          กอรีน คือ ชัยฏอน  ( ผู้ที่ไม่แยกจากเรา ผู้ที่จะเป็นเพื่อนกับเรา )  เป็นเพื่อนที่จะชักชวนเราทำในสิ่งที่ไม่ดี จนทำให้ผู้ที่มีความศรัทธาอ่อนแอตกหลุมพรางของชัยฏอนที่คอยยุแหย่ให้ผู้คนออกห่างจากหลักความเชื่อที่ถูกต้อง ซึ่งมนุษย์หนึ่งคน จะมีญินติดตามหนึ่งชีวิต แต่ก็จะมีมลาอิกะฮ์ ที่อยู่ด้านซ้ายและด้านขวาของเราเพื่อจดบันทึกการกระทำของเรา

.

ดังที่อัลเลาะฮ์ตรัส ว่า " จนกระทั่งเมื่อความตายได้มาหาคนใดในพวกเขา เขาก็จะกล่าวขึ้นว่า

ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์กลับไปมีชีวิตอีกครั้งหนึ่งเถิด

เพื่อข้าพระองค์จะได้กระทำความดีในสิ่งที่ข้าพระองค์ปล่อยทิ้งไว้ ”

" เปล่าเลย ! มันเป็นเพียงถ้อยคำที่เขากล่าวมันไว้เท่านั้น และเบื้องหน้าของพวกเขานั้นมีโลกบัรซัค จนกระทั่งถึงวันที่พวกเขาจะถูกฟื้นคืนชีพขึ้นมา "

( ซูเราะฮ์ –มุอ์มินูน : 99-100 )

http://www.islammore.com/view/3391    https://www.youtube.com/watch?v=q42bDd2WkzA

.

  • ร.เรือ

 وَاصْنَعِ الْفُلْكَ بِأَعْيُنِنَا وَوَحْيِنَا وَلَا تُخَاطِبْنِي فِي الَّذِينَ ظَلَمُوا إِنَّهُم مُّغْرَقُونَ

( 37 )

ความว่า : และเจ้าจงสร้างเรือต่อหน้าเราและตามคำบัญชาของเรา และอย่ามาพูดกับข้า ถึงบรรดาผู้อธรรม แท้จริงพวกเขาจะถูกจมน้ำตาย

( ซูเราะฮ์- ฮูด : 37 )

นะบีนูห์

        นะบีนูห์เรียกร้องเชิญชวนหมู่ชนให้ศรัทธาต่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา ด้วยความอดทนทั้งกลางคืน และกลางวัน เป็นระยะเวลา 950 ปี

นะบีนูห์ บอกกับกลุ่มชนของเขาว่า อัลเลาะฮ์ ตะอาลา เป็นพระเจ้าองค์เดียว

           แต่พวกเขาไม่ฟัง และทุกครั้งที่เรียกร้องเชิญชวนให้ศรัทธาต่ออัลเลาะฮ์ และขออภัยโทษต่อพระองค์ พวกเขาจะเอานิ้วอุดหู และเอาผ้าคลุมโปงไม่อยากฟัง

   นะบีนูห์กล่าวว่า ขออัลเลาะฮ์ ตะอาลาทรงอย่าปล่อยให้พวกปฏิเสธศรัทธาหลงเหลืออยู่ในแผ่นดินนี้เลย  อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ทรงสั่งให้นะบีนูห์ต่อเรือขึ้นลำหนึ่งและนำผู้ศรัทธาพร้อมสัตว์

อย่างละ 1 คู่ขึ้นไปบนเรือ

   เมื่อต่อเรือเสร็จ นะบีนูห์ บรรดาผู้ศรทธาและสัตว์ต่างๆก็ขึ้นเรือจนหมดแล้ว อัลเลาะฮ์ ตะอาลาทรงให้มีน้ำท่วมโลก ทุกชีวิตตายหมด ยกเว้นนะบีนูห์ บรรดาผู้ศรัทธาและสัตว์ต่างๆที่อยู่บนเรือ

https://islamqa.info/ar/answers/10470/%D9%86%D9%88%D8%AD-%D8%B9%D9%84%D9%8A%D9%87-%D8%A7%D9%84%D8%B3%D9%84%D8%A7%D9%85?fbclid=IwAR3UTdq2jzXRkJlFBRchy-VKWaq4F-IQScUyQVUsi6IRiF1FCmTClDgamsc

.

.

  • ล.ลิง

 وَلَقَدْ عَلِمْتُمُ الَّذِينَ اعْتَدَوْا مِنكُمْ فِي السَّبْتِ فَقُلْنَا لَهُمْ كُونُوا قِرَدَةً خَاسِئِينَ

( 65 )

ความว่า : และแน่นอนพวกเจ้ารู้กันแล้วถึงบรรดาผู้ที่อยู่ในหมู่ของพวกเจ้าที่ได้ละเมิดในวันสะบาโต แล้วเราได้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงเป็นลิงที่ถูกขับไล่ให้ห่างไกล

( ซูเราะฮ์ อัล-บะเกาะเราะฮ์ : 65 )

  1. สะบาโต คือ วันเสาร์ที่ถูกกำหนดให้เป็นวันพักผ่อนและประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น แต่พวกเขากลับละเมิดโดยวางแผนล่อปลาให้เข้าบ่อในวันนั้น แต่จับในวันอื่น เนื่องจากในวันนั้นปลาจะออกหากินอย่างชุกชุม ให้ปลาว่ายเข้าไปในบ่อ และพวกเขาก็ปิดปากบ่อ
  2. มีจิตใจและลักษณะท่าทางเหมือนลิงซึ่งใครเห็นก็ขับไล่ให้ห่างไกล ตามที่อิบนิญะริร และอิบนุฮาติม รายงานไว้ จากมุญาฮิด อย่างไรก็ดี นักปราชญ์ส่วนมากเห็นว่ารูปร่างของพวกเขาถูกเปลี่ยนเป็นลิงจริงๆ และมีชีวิตอยู่ไม่เกิน 3 วัน

.

.

  • ว แหวน

عَن أَبُوْمُوسَى الأَشْعَرِيْ قال : أنَّ رَسُوْلُ اللهِ صَلّى الله عَلَيْهِ وَسَلّم

فِي الذَّهَبِ وَالْحَرِيرِ إِنَّ هَذَيْنِ حَرَامٌ عَلَى ذُكُورِ أُمَّتِي حِلٌّ لإِنَاثِهَا

( رَوَاهُ التِرمِذِي وَالنَّسَائِي 1642 )

ความว่า : จากท่านอบูมูซา อัลอัชอารีย์เล่าว่า ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า : เสื้อผ้าไหม และทองคำถูกห้ามสำหรับเพศชายซึ่งเป็นอุมมะฮ์ของฉัน แต่อนุญาตให้สำหรับสตรีของพวกเขา

( บันทึกโดยติรมิซีย์ และนะซาอีย์ : 1642 )

.

.

.

  • ศ.ศาลา

عَن أَبِيْ هُرَيْرَ ة رَضِيَ الله عَنْهُ قَالَ :  قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلّى الله عَلَيْهِ وَسَلّم

إِذَا مَاتَ الإِنْسَانُ انْقَطَعَ عَنْهُ عَمَلُهُ إِلاَّ مِنْ ثَلاَثَةٍ: إِلاَّ مِنْ صَدَقَةٍ جَارِيَةٍ، أَوْ عِلْمٍ يُنْتَفَعُ بِهِ، أَوْ وَلَدٍ صَالِحٍ يَدْعُو لَهُ

( رَوَاهُ مُسْلِم 1631 )

ความว่า : รายงานจากอบู ฮุรอยเราะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า แท้จริงท่านนะบี  ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม

กล่าวว่า : เมื่อมนุษย์ได้เสียชีวิตลง การงานของเขาจะถูกตัดขาด นอกจากการงาน 3 ประการ

หนึ่ง การบริจาคทานที่ถาวร สอง ความรู้ที่เป็นประโยชน์ และสาม ลูกที่ดีที่ขอดุอาอ์ให้กับเขา

(บันทึกโดยมุสลิม : 1631)

.

  • ษ.ฤๅษี
  •   ( 6 ) لَكُمْ دِينُكُمْ وَلِيَ دِينِ

    ความว่า : สำหรับพวกท่านก็คือศาสนาของพวกท่าน และสำหรับฉันก็คือศาสนาของฉัน

  • (ซูเราะฮ์ อัลกาฟิรูน : 6).

عَن عَائِشَة رَضِيَ اللهُ عَنهَا أنَّ النَّبيَّ صلَّى اللهُ عليه وسلَّم كَان يَعْتَكِفُ العَشرَ الأَوَاخِرَ مِن رَمضَانَ، حَتىّ توفَّاه الله، ثُم اعْتَكَفَ أَزْوَاجه مِن بَعدِه

(رَوَاهُ البُخَارِي 2026 وَمُسْلِم 1172  )

ความว่า : มีรายงานจากท่านหญิง อาอีชะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา เล่าว่า ท่านนะบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ทำการ อิฮติกาฟในช่วง สิบคืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอน จนกระทั่งอัลเลาะฮ์ได้เอาชีวิตท่านไป หลังจากนั้นบรรดาภรรยาของท่านก็ได้ทำการอิฮติกาฟหลังจากท่านต่อ

( บันทึกโดยบุคอรีย์ : 2026 และมุสลิม : 1172 )

  อิสลาม ไม่มีการจำศีล ละเว้นทางโลกตลอดชีวิต แต่จะมีช่วงเวลาสั้นๆที่มุสลิม จะทำอิบาดะฮ์อย่างเต็มที่ด้วยความสมัครใจ เรียกว่า อิฮติกาฟ

การอิฮติกาฟ คือ การอยู่ กิน นอนในมัสยิดเพื่อทำอิบาดะฮ์ และขัดเกลาจิตใจของพวกเราให้สะอาด

และออกห่างจากสิ่งที่ไร้สาระเพื่อจะได้ใกล้ชิดและแสวงหาความพึงพอใจ จากพระองค์
การอิฮติกาฟเป็นสิ่งที่ท่านนะบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทำในช่วง 10 คืนสุดท้ายของรอมฎอนใน ทุกๆปี เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับพระผู้เป็นเจ้ามากที่สุดจนกระทั่งในปีสุดท้ายที่ท่านได้เสียชีวิตจากโลกนี้ไป

http://www.islammore.com/view/1377

.

  • ส เสือ

عن إبن عَبَّاس رَضِيَ الله عَنْهُمَا قال: نَـهَى رَسُولُ الله صلى الله عَلَيه وَسَلَّم عَنْ كُلِّ ذِي نَابٍ مِنَ السِّبَاعِ، وَعَنْ كُلِّ ذِي مِـخْلَبٍ مِنَ الطَّيْرِ.

( رَوَاهُ مُسْلِم 1934 )

ความว่า : จาก อิบนุ อับบาส ร่อฎิยัลลอฮุ อันฮุมา ได้กล่าวว่า ท่านร่อซูลุ้ลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้ห้ามกินสัตว์ใดๆ ที่มีเขี้ยว และนกทุกชนิดที่มีกรงเล็บ

( บันทึกโดยมุสลิม : 1934 )

.

  • ห.หีบ

 وَأَوْحَيْنَا إِلَىٰ أُمِّ مُوسَىٰ أَنْ أَرْضِعِيهِ فَإِذَا خِفْتِ عَلَيْهِ فَأَلْقِيهِ فِي الْيَمِّ وَلَا تَخَافِي وَلَا تَحْزَنِي إِنَّا رَادُّوهُ إِلَيْكِ وَجَاعِلُوهُ مِنَ الْمُرْسَلِينَ

( 7 )

ความว่า : และเราได้ดลใจแก่มารดาของมูซา จงให้นมแก่เขา(มูซา) เมื่อเจ้ากลัวแทนเขาก็จงโยนเขาลงไปในแม่น้ำ และเจ้าอย่าได้กลัวและอย่าได้เศร้าโศก แท้จริงเราจะให้เขากลับไปหาเจ้า และเราจะทำให้เขาเป็นหนึ่งในบรรดาร่อซู้ล

( ซูเราะฮ์ อัล- เกาะศ็อศ : 7 )

อัลเลาะฮ์ดลใจแม่ท่านนะบีมูซา 

           วันหนึ่งฟิรอูนฝันไม่ดี เขาเลยถามพวกทำนายโชคชะตาและหมอดู พวกเขากล่าวว่า จะมีเด็กชายคนหนึ่งที่เกิดในลูกหลานบะนีอิสรออีล และอำนาจของท่านจะสูญเสียไปด้วยน้ำมือของเขา แล้วความหายนะของท่านจะเกิดขึ้นเพราะน้ำมือของเขา ดังนั้นฟิรอูนจึงสั่งให้ฆ่าลูกผู้ชายทุกคนจากลูกหลานบะนีอิสรออีล

              อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ดลใจแก่แม่ของนะบีมูซาโดยให้นำท่านนะบีใส่หีบลอยไปในแม่น้ำไนล์ เมื่อลอยผ่านไปหน้าวัง ภรรยาของฟิรอูนเห็น จึงของอนุญาติฟิรอูนนำท่านนะบีมูซามาเลี้ยง

              ท่านนะบีมูซาไม่ยอมดื่มนมจากเต้านมของแม่นมคนใด เป็นเวลาหลายวัน จนกระทั่ง แม่ท่านนะบีมูซาทราบข่าวทางวังต้องการแม่นมจึงรีบไปที่วัง ในขณะที่นางไปถึง มูซาอยู่ในอ้อนแขนของฟิรอูน ร้องจะกินนม เมื่อได้กลิ่มแม่ของเขาก็ยอมกินนม เมื่อนะบีมูซากินนมอิ่มแล้วนางก็กลับบ้านของนาง

             การที่ให้ท่านนะบีมูซากลับมาหานาง (แม่) เป็นการปฏิบัติตามสัญญา เพื่อที่นางจะได้ชื่นชมที่ได้พบเขาและไม่เสียใจในการจากไปของเขา

( ตัฟซีร สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ซูเราะฮ์ อัล- เกาะศ็อศ อายะฮ์ 4,7,9-13)

.

  • ฬ.จุฬา

 ( 46 ) وَمِنْ آيَاتِهِ أَن يُرْسِلَ الرِّيَاحَ مُبَشِّرَاتٍ وَلِيُذِيقَكُم مِّن رَّحْمَتِهِ

ความว่า : และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ พระองค์ทรงส่งลมเป็นการแจ้งข่าวดีทั้งหลาย และเพื่อพระองค์จะทรงให้พวกเจ้าได้ลิ้มรสความเมตตาของพระองค์

( ซูเราะฮ์ อัร-รูม : 46 )

.

  • อ อ่าง

 ( 12 ) وَلَقَدْ خَلَقْنَا الْإِنسَانَ مِن سُلَالَةٍ مِّن طِينٍ

ความว่า : และขอสาบานว่า แน่นอนเราได้สร้างมนุษย์มาจากธาตุแท้ของดิน

( ซู เราะฮ์ อัล-มุมินูน : 12 )

 ( 11 ) إِنَّا خَلَقْنَاهُم مِّن طِينٍ لَّازِبٍ

ความว่า : แท้จริงเราได้สร้างพวกเขามาจากดินเหนียว

( ซูเราะฮ์ อัศ-ศอฟฟาต : 11)

ท่านนะบี อาดัม

          ครั้งเมื่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา ตรัสแก่มลาอิกะฮ์ว่า แท้จริงข้าสร้างมนุษย์คนหนึ่งมาจากดิน ต่อมาข้าได้ทำให้เขามีรูปร่างสมส่วนและได้เป่าวิญญาณเข้าไปในตัวเขา ฉะนั้นพวกเจ้าจงก้มลงกราบสุญูดต่อเขา แล้วมลาอิกะฮ์ทั้งหมดก็ได้ก้มลงสุญูด นอกจากอิบลีส มันเย่อหยิ่งจองหอง และมันอยู่ในหมู่ผู้ปฏิเสธศรัทธา

         พระองค์ตรัสว่า อิบลีสเอ๋ย ! อะไรเล่าที่ขัดขวางเจ้ามิให้เจ้ากราบสุญูดต่อสิ่งที่ข้าได้สร้างด้วยพระหัตถ์ทั้งสองของข้า เจ้าเย่อหยิ่งจองหอง หรือว่าเจ้าอยู่ในหมู่ผู้สูงส่ง  มันกล่าวว่า ข้าพระองค์ดีกว่าเขา พระองค์ทรงสร้างข้าพระองค์จากไฟ และทรงสร้างเขาจากดิน

         พระองค์ตรัสว่า ดังนั้นเจ้าจงออกไปจากที่นี่เพราะแท้จริงเจ้าเป็นผู้ถูกขับไล่ และแท้จริงการสาปแช่งของข้าประสบแก่เจ้าจนกระทั่งวันแห่งการตอบแทน  มันกล่าวว่า : โอ้องค์อภิบาลของข้าพระองค์ ได้โปรดประวิงเวลาให้แก่ข้าพระองค์จนถึงวันฟื้นคืนชีพด้วยเถิด

        พระองค์ตรัสว่า แท้จริงเจ้าอยู่ในหมู่ผู้ถูกประวิงเวลา จนถึงวันเวลาที่ถูกกำหนดไว้แล้ว มันกล่าวว่า ด้วยอำนาจของพระองค์ท่าน แน่นอนข้าพระองค์ก็จะทำให้พวกเขาทั้งหมดหลงผิด เว้นแต่ปวงบ่าวของพระองค์ในหมู่พวกเขาที่มีใจบริสุทธิ์เท่านั้น

( ซูเราะฮ์ ศอด : 67-88 )

http://www.islammore.com/view/1375

.

  • ฮ นกฮูก
  •  ( 9 )   وَجَعَلْنَا نَوْمَكُمْ سُبَاتًا 
  • ( 10 ) وَجَعَلْنَا اللَّيْلَ لِبَاسًا 

 ( 11 ) وَجَعَلْنَا النَّهَارَ مَعَاشًا

ความว่า : และเราได้ทำให้การนอนของพวกเจ้าเป็นการพักผ่อน และเราได้ทำให้กลางคืนคล้ายเครื่องปกปิดร่างกาย และเราได้ทำให้กลางวันเป็นที่แสวงหาเครื่องยังชีพ

( ซูเราะฮ์  อันนะบะ : 9-11 )

 ( 47 ) وَهُوَ الَّذِي جَعَلَ لَكُمُ اللَّيْلَ لِبَاسًا وَالنَّوْمَ سُبَاتًا وَجَعَلَ النَّهَارَ نُشُورًا

ความว่า : และพระองค์คือผู้ทรงทำให้กลางคืนเป็นอาภรณ์สำหรับพวกเจ้า และให้การนอนเป็นการพักผ่อน และทำให้กลางวันเป็นการเคลื่อนไหว

( ซูเราะฮ์  อัลฟุรกอน : 47 )

Leave a Reply