อูลุ้ลอัซมิ



อูลุ้ลอัซมิเหล่านะบีผู้ยืนหยัดในบททดสอบ

.
فَاصْبِرْ كَمَا صَبَرَ أُولُو الْعَزْمِ مِنَ الرُّسُلِ
“ดังนั้น เจ้าจงอดทน ดังเช่นบรรดาผู้ตั้งจิตมั่นแห่งเราะซูลทั้งหลาย ได้อดทนมาก่อนแล้ว”
(ซูเราะฮ์ อัลอะฮ์กอฟ : 35)
.
อูลุ้ลอัซมิคือ บรรดานะบีที่มุ่งมั่นในการเผยแพร่ศาสนา และอดทนต่อการถูกทำร้ายจากการเชิญชวนสู่หนทางของอัลเลาะฮ์ ตะอาลา แต่พวกเขาก็ยังยืนหยัดต่อสู้กับความเท็จ เพื่อนำผู้คนไปสู่ความจริง
.
อัลเลาะฮ์ได้ทรงยกย่อง ชื่นชม บรรดาอูลุ้ลอัซมี ในสิ่งที่พวกเขาถูกทดสอบ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีงามและยิ่งใหญ่
.
وَإِذْ أَخَذْنَا مِنَ النَّبِيِّينَ مِيثَاقَهُمْ وَمِنكَ وَمِن نُّوحٍ وَإِبْرَاهِيمَ وَمُوسَىٰ وَعِيسَى ابْنِ مَرْيَمَ وَأَخَذْنَا مِنْهُم مِّيثَاقًا غَلِيظًا 
“และจงรำลึกถึงขณะที่เราได้เอาคำมั่นสัญญาของพวกเขา จากบรรดานะบี และจากเจ้า (มุฮัมมัด) และจากนูห์ และอิบรอฮีม และมูซา และอีซา อิบนิ มัรยัม
และเราได้เอาคำมั่นสัญญาอย่างหนักแน่นจากพวกเขา ”
( อัลอะห์ซาบ : 7)

ความหมายของวะฮี

วะฮี หมายถึง ? ความหมายทางด้านภาษา หมายถึงการแจ้งอย่างลับๆและรวดเร็ว . แบ่งออกเป็นสองประเภท คือ ทั่วไป และเฉพาะเจาะจง(ทางบนบัญญัติ) . ทั่วไป หมายถึง การชี้ การให้สัญญาน(ขยับนิ้ว,ขยิบตา) การดลใจ มีทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี . ประเภทของการวะฮีทั่วไป 1. การดลใจธรรมชาติ 2. อัลเลาะฮ์กล่าวแก่มลาอิกะฮ์ 3. การกระทำของมนุษย์ (เป็นการให้สัญญาน) เช่นการกระทำของนบีซะกะรียา . فَخَرَجَ عَلَى قَوْمِهِ مِنَ الْمِحْرَابِ فَأَوْحَى إِلَيْهِمْ أَنْ سَبِّحُوا بُكْرَةً وَعَشِيًّا ความว่า : แล้วเขาได้ออกจากแท่นสวดมายังหมู่ชนของเขา และเขาได้ชี้ใบ้แก่พวกของเขาว่า พวกท่านจงกล่าวสดุดีในยามเช้าและยามเย็น (มัรยัม :11) 4. ชัยฏอนกล่าวแก่พวกพ้องของเขา وَكَذَلِكَ جَعَلْنَا لِكُلِّ نَبِيٍّ عَدُوًّا شَيَاطِينَ الْإِنْسِ […]

นะบียูซุฟให้อภัยแก่พี่น้อง

        นะบียูซุฟให้อภัยแก่พี่น้อง        เรื่องราวของท่านนะบียูซุฟ (อะลัยฮิสสลาม)จากสภาพหนึ่งไปสู่อีกสภาพหนึ่ง จากบททดสอบสู่บททดสอบ และนำไปสู่ทางออกและจากไร้เกียรตินำไปสู่มีเกียรติและตำแหน่งหน้าที่ จากเป็นทาสสู่เป็นกษัตริย์ จากทอดทอดทิ้งและพลัดพรากจากพ่อแม่พี่น้อง สู่การพบหน้าอีกครั้ง จากความเศร้าสู่ความปิติยินดี จากความเดือนร้อนนำพาสู่ความสุข ส่วนการทำนายฝันถือว่าเป็นวะฮีย์จากอัลเลาะฮ์เท่านั้น     .             ในวันหนึ่งกษัตริย์ได้ฝันว่า เขายืนอยู่ที่แม่น้ำ กับวัวอ้วนเจ็ดตัว แล้วมันทั้งเจ็ดก็ถูกวัวผอมโซอีกเจ็ดตัวกิน และเขาก็เห็นรวงข้าวเขียวขจีเจ็ดรวง ใกล้ๆมันนั้นมีรวงข้าวแห้งๆอีกเจ็ดรวงโอนเอนฟาดลงไปที่รวงข้าวเขียวสดจนมันถูกทำลายสิ้นนะบียูซุฟทำนายฝันนี้ว่า การเกษตรของพวกเขาจะอุดมสมบูรณ์เจ็ดปีและจะแล้งในอีกเจ็ดต่อมา พร้อมบอกวิธีรับมือต่อสถาการณ์ที่จะเกิดขึ้น .               ในปีที่อุดมณ์สมบูรณ์ ทุกอย่างเป็นไปอย่างดีงามภายใต้การบริหารจัดการของนะบียูซุฟอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่แล้วปีแห่งความแห้งแล้งก็มาถึง มันไม่ได้แล้งแค่ในอียิปต์ แต่ความทุกข์ยากนี้แผ่ขยายไปทั่วแผ่นดิน แม้แต่ปาเลสไตน์ ที่ซึ่งนะบียะกู๊บและลูกๆของท่านอาศัยอยู่ ความหิวโหยทวีความรุนแรงโดยเฉพาะกับครอบครัวในชนบท อย่างครอบครัวของนะบียะกู๊บ อลัยฮิสลาม เมื่อนั้นเองข่าวแพร่มาถึงว่า อะซีซ (ซึ่งก็คือนะบียูซุฟ) ที่อียิปต์ ขายอาหารและสินค้าต่างๆในราคาปกติโดยไม่ขึ้นราคาเหมือนกับที่อื่นๆ กองคารวานทั้งหลายในปาเลสไตน์จึงแห่กันไปอียิปต์ และจากพวกเขาก็มีบรรดาพี่น้องของนะบียูซุฟอยู่ด้วย เมื่อพวกเขาเข้าไปหานะบียูซุฟ ท่านก็จำพวกเขาได้ แต่พวกเขาจำท่านไม่ได้ […]

การพิชิตมักกะฮ์

การพิชิตนครมักกะฮ์               หลังจากที่มีการทำสนธิสัญญาประนีประนอม ณ ฮุดัยบียะฮ์ ผ่านไป 18  เดือน  ชาวกุเรชได้ละเมิดข้อตกลง โดยการอนุญาตให้มีการทำสงครามระหว่างเผ่าบนีบักร์และเผ่าคุซาอะห์ในเขตมักกะฮ์ และยังสนับสนุนอาวุธให้แก่เผ่าบนีบักร์ แม้พวกเขาจะรู้สึกเสียใจต่อการกระทำดังกล่าว และเข้าใจว่าท่านนะบีมุฮัมมัด ﷺ อาจยังไม่ทราบเรื่อง จึงส่งอบูซุฟยานไปหาท่านนะบีมุฮัมมัด ﷺ เพื่อรักษาข้อตกลงสนธิสัญญา แต่ความพยายามนั้นไม่เป็นผล อบูซุฟยานจึงต้องกลับไปยังนครมักกะฮ์ด้วยความผิดหวัง . ท่านนะบีมุฮัมมัด ﷺ จึงสั่งให้บรรดาซอฮาบะฮ์เตรียมความพร้อมออกเดินทาง โดยไม่เปิดเผยจุดหมายปลายทาง เพื่อให้ภารกิจครั้งนี้เป็นไปอย่างลับที่สุด และไม่ให้ข่าวรั่วไหลไปถึงชาวมักกะฮ์ จนกระทั่งถึงเวลาที่เหมาะสม ท่านจึงแจ้งควาประสงค์ต่อบรรดาซอฮาบะฮ์ว่า จุดหมายปลายทางคือ นครมักกะฮ์ และเป็นการเดินทางเพื่อยุติการละเมิดของกุเรช โดยมุ่งหวังให้ฝ่ายตรงข้ามยอมจำนนโดยไม่ต้องมีการต่อสู้ . วันที่ 10 เดือนรอมฎอน ปีฮิจญ์เราะห์ที่ 8 บรรดามุสลิมจำนวน 10,000 คน ได้เคลื่อนทัพสู่มักกะฮ์ ระหว่างทาง ท่านนะบี ﷺ ได้พบกับท่านอับบาส บิน อับดุลมุฏฏอลิบ  ผู้เป็นลุงของท่าน ซึ่งกำลังเดินทางไปมะดีนะฮ์ ท่านอับบาส บิน อับดุลมุฏฏอลิบ  จึงขออนุญาตพาอบูซุฟยานมาพบท่านนะบีมุฮัมหมัด […]

กอรูนผู้ทนงตน

กอรูนผู้ทนงตน           ซูเราะฮ์ อัลเกาะศอศ 76-82           .กอรูนคือเสนาบดี คนใกล้ชิด ของฟาโร และเป็นลูกพี่ลูกน้องของท่านนะบีมูซา อัลเลาะฮ์ทรงทดสอบเขาโดยการให้เขาที่มีทรัพย์สมบัติมากมาย (เนื่องจากความหนักของลูกกุญแจ ต้องใช้ชายชกรรจ์จำนวน 40 คน ต้องแบกหามมันด้วยความลำบาก)นอกจากนี้ยังมีขุมทรัพย์และสมบัติอีกมากมาย เขาเป็นผู้ทะนงตนและหวงแหนในทรัพย์สิน เขาไม่เคยบริจาคในหนทางของอัลเลาะฮ์ ไม่เคยช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน เพราะเขาคิดว่าทรัพย์สินเงินทองที่เขาได้มานั้น มันได้มาจากความรู้ความสามารถของเขาล้วนๆ ไม่ใช่เพราะอัลเลาะฮ์เป็นผู้ประทานให้         .วันหนึ่งเขาออกมาพบผู้คนด้วยเครื่องประดับอันหรูหราที่ทำจากทองและผ้าไหม พร้อมทหารรับใช้อย่างมากมาย ประชาชนที่ออกมาต้อนรับแบ่งออกเป็น สองกลุ่ม กลุ่มที่อย่างมีอยากรวยแบบกอรูนกับอีกกลุ่ม ไม่สนใจเพราะพวกเขาเชื่อว่า รางวัลที่อัลเลาะฮ์ให้ผู้ศรัทธาย่อมดีกว่า         .นะบีมูซาเคยเตือนกอรูนให้จ่ายซะกาตจากทรัพย์สินที่ตนมีอยู่ แต่กอรูนกลับปฏิเสธและหัวเราะเยาะ พร้อมกล่าวว่า มูซาต้องการทำลายทรัพย์สินของเรา เราจะทำลายเกียรติของมูซาย่อยยับไปเลย เขาเลยสั่งให้ทหารไปหาหญิงสวยที่สุดมาให้เพื่อที่จะให้นางใส่ร้ายท่านนะบีว่าทำซินาเพื่อแลกกับทองคำ กอรูนได้ดำเนินตามแผนที่ตนตั้งไว้ วันหนึ่งเขาเชิญท่านนะบีมาที่คฤหาสน์ และให้ท่านนะบีบอกถึงบทบัญญัติ ที่ท่านได้รับมา […]

นะบีอิบรอฮีมถูกโยนลงในเปลวไฟ

นะบีอิบรอฮีมถูกโยนลงในเปลวไฟ         ในวันตรุษ บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้พากันไปที่สวนสาธารณะเพื่อละเล่นกันอย่างเพลิดเพลิน ท่านนะบีอิบรอฮีมเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะไม่มีใครมาพบท่านใน (มะอ์บัด) ท่านได้ทำลายเจว็ดเหล่านั้น และเอาขวานไปแขวนไว้ที่เจว็ดตัวที่ใหญ่ที่สุด เพื่อยืนยันว่ามันไม่สามารถให้คุณหรือโทษกับพวกเขาได้ และไม่สามารถที่จะปกป้องตัวมันเองได้ ดังนั้นไม่จำเป็นที่เราจะต้องเคารพสักการะมัน              และเมื่อบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธากลับมาพวกเขาก็พบว่ารูปปั้นพินาศ พวกเขากล่าวว่า : ผู้ใดที่เป็นคนทำกับพระเจ้าของเราอย่างนี้ ?              คนหนึ่งจากพวกเขาได้กล่าวขึ้นว่า : อิบรอฮีม เพราะเขาเป็นผู้ที่กล่าวว่า แท้จริงรูปปั้นเหล่านี้ไม่ได้ให้คุณและโทษ และสั่งให้พวกเราเลิกเคารพสักการะรูปปั้นพวกนี้              อีกคนหนึ่งกล่าวว่าเราจะต้องลงโทษเขาอย่างสาสม เละหลังจากนั้นก็ฆ่าเขาซะเพื่อที่จะได้เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ที่จะมาดูถูกเหยียดหยามบนบรรดาพระเจ้าผู้สู่งส่งของพวกเรา พวกกุฟฟารได้มาหาท่านนะบีอิบรอฮีมและพวกเขาได้เอาตัวท่านมา เพื่อที่จะตัดสินท่านต่อหน้าผู้คนทั้งหลาย ผู้คนก็ได้มามุงดูท่าน เพราะการกระทำของท่านนั้นเป็นการกระทำที่หน้าเกลียดต่อสิทธิของพระเจ้า และสมควรได้รับการลงโทษ               พวกเขามุ่งที่จะกล่าหาท่านโดยกล่าวว่า : เจ้าเป็นคนทำลายพระเจ้าใช่ไหม อิบรอฮีม ?              ท่านนบีอิบรอฮีมก็ตอบพวกเขาว่า : พวกท่านจงไปถามรูปปั้นตัวใหญ่ดูซิ              คำตอบของอิบรอฮีมนั้นเป็นการบอกพวกเขาว่า แท้จริงมันไม่สมควรได้รับการเคารพสักการะ              มีผู้กล่าวว่า : เจ้าก็รู้ดีว่า รูปปั้นมันเคลื่อนย้ายจากที่ของมันไม่ได้ และก็พูดไม่ได้ด้วย              ท่านนะบีอิบรอฮีมกล่าวกับพวกเขาว่า : และไม่ให้โทษ , ไม่ได้ให้คุณ […]

นะบีอิบรอฮีมเชิญชวนพ่อของท่านเข้ารับอิสลาม

การเชิญชวนบิดาของท่าน บิดาของท่านนะบีอิบรอฮีมเป็นคนทำเจว็ด และเขาก็เคารพสักการะมันและท่านนะบีอิบรอฮีมได้กล่าวกับเขาว่า : พ่อจ๋า ทำไมพ่อถึงเคารพเจว็ดเหล่านี้ ทั้งที่มันไม่ได้ให้คุณและโทษกับพ่อเลย ?             บิดากล่าวว่า : เจ้าจงอย่าพูดอย่างนั้นกับพระเจ้านะอิบรอฮีม             อิบรอฮีมกล่าวว่า : พ่อจ๋า แท้จริง ชัยฏอนมันได้ล่อลวงท่านให้ไปเคารพก้อนหินพวกนี้ พ่อจ๋า ฉันรู้ว่า แท้จริงอัลเลาะฮ์จะเอาคนที่เคารพสักการะมัน (เจว็ด) ลงนรกและผู้ที่ไม่ได้เคารพมันเข้าสวรรค์             บิดากล่าวว่า : อิบรอฮีม หากเจ้าไม่หยุดคำพูดนี้ ฉันจะขว้างเจ้าด้วยก้อนหิน จนกว่าเจ้าจะตาย             อิบรอฮีมกล่าวว่า : ฉันจะขอดุอาอ์จากอัลเลาะฮ์ให้แก่พ่อของฉัน ให้พระองค์ทรงอภัยให้แก่ท่าน และอภัยให้จากบาปของท่าน แต่ว่าฉันจะทิ้งท่านและจะไม่เคารพเจว็ดกับท่านเป็นอันขาด             https://www.islammore.com/view/729