🟥 1. การพิชิตจักรวรรดิเปอร์เซีย (ราชวังมะดาอิน – ปราสาทแดง)
🗺️ สถานที่ : เมืองหลวงของจักรวรรดิเปอร์เซียชื่อ “มะดาอิน” (Ctesiphon) ตั้งอยู่ใกล้กรุงแบกแดดในปัจจุบัน เป็นที่ตั้งของราชวังอีวาน กิศรอ (إيوان كسرى) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมยิ่งใหญ่
⚔️ สงครามหลัก :
สงครามกอดิซิยะฮ์ (معركة القادسية) ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่กองทัพเปอร์เซียพ่ายแพ้อย่างยับเยิน
📅 ปีที่เกิดเหตุ :
สงครามกอดิซิยะฮ์ : ปี ฮ.ศ. 14
การพิชิตมะดาอิน : ปี ฮ.ศ. 15
🏛️ คอลีฟะฮ์ : ท่านอุมัร อิบนุ อัล-ค็อฏฏ็อบ
⚔️ แม่ทัพหลัก : ท่านซะอ์ด อิบนุ อบี วักกอศ
🗝️ เหตุการณ์สำคัญ:
หลังจากชัยชนะที่กอดิซิยะฮ์ กองทัพอิสลามเคลื่อนพลเข้ายึดเมืองมะดาอิน กษัตริย์ยัซดะญัรด์ที่ 3 ทิ้งเมืองหลวงและหนีไปทางตะวันออก กองทัพมุสลิมเข้ายึดราชวังหลวง “อีวาน กิศรอ” ได้รับสมบัติมหาศาล รวมถึงกุญแจราชวัง ท่านซะอ์ด อิบนุ อบีวักกอศ ส่งสมบัติและทรัพย์สินไปยังคอลีฟะฮ์อุมัร อิบนุ อัล-ค็อฏฏ็อบ
ที่มะดีนะฮ์ รวมทั้ง “ชุดราชาฉลองพระองค์” ของกษัตริย์เปอร์เซียด้วย
.
🟨 2. การพิชิตจักรวรรดิโรมันตะวันออก (เยรูซาเล็ม – ปราสาทขาว)
📍 เมือง: บัยตุลมักดิส (เยรูซาเล็ม / بيت المقدس)
⚔️ สงครามที่เกี่ยวข้อง :
สงครามยัรมู้ก (معركة اليرموك) ปี 636 คริสต์ศักราช ซึ่งเป็นการล้อมเมืองเยรูซาเล็มโดย ท่านอะบูอุบัยดะฮ์ อิบนุ อัล-ญัรรอห์ และ ท่านคอลิด อิบนุ อัล-วะลีด
📅 ปีที่พิชิต : ปี 638 คริสต์ศักราช / ฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 17
🏛️ คอลีฟะฮ์ : ท่านอุมัร อิบนุ อัล-ค็อฏฏ็อบ
⚔️ แม่ทัพ:
ท่านอะบูอุบัยดะฮ์ อิบนุ อัล-ญัรรอห์
ท่านคอลิด อิบนุ อัล-วะลีด
ท่านอัมร์ อิบนุ อัล-อาศ
🗝️ เหตุการณ์การมอบกุญแจ:
หลังจากการล้อมเมืองเยรูซาเล็มเป็นเวลานาน ผู้นำคริสเตียนในเมืองยินยอมส่งมอบเมือง แต่มีเงื่อนไขว่าต้องมอบกุญแจให้กับคอลีฟะฮ์เท่านั้น คอลีฟะฮ์อุมัร อิบนุ อัล-ค็อฏฏ็อบ เดินทางจากมะดีนะฮ์มายังเยรูซาเล็ม ขี่อูฐตัวเดียว พร้อมผู้รับใช้ เพื่อแสดงความเสมอภาค
✨ คำพูดที่โด่งดังของท่านอุมัร อิบนุ อัล-ค็อฏฏ็อบ ขณะเดินทาง:
❝ نَحْنُ قَوْمٌ أَعَزَّنَا اللَّهُ بِالإِسْلَامِ، فَإِنِ ابْتَغَيْنَا الْعِزَّةَ بِغَيْرِهِ أَذَلَّنَا اللَّهُ ❞
“พวกเราเป็นกลุ่มชนที่อัลเลาะฮ์ให้เกียรติด้วยศาสนาอิสลาม หากเราหาเกียรติจากสิ่งอื่น อัลเลาะฮ์จะทรงทำให้เราตกต่ำ”
📜 สนธิสัญญาอัล-อุมะรียะฮ์ (العهدة العمرية):
คอลีฟะฮ์อุมัร อิบนุ อัล-ค็อฏฏ็อบ ได้เขียนสนธิสัญญาเพื่อคุ้มครองชาวเมือง เอกสารนี้รับรองความปลอดภัยแก่ชาวคริสต์ ยิว และศาสนาอื่นในเมือง ให้สามารถนับถือศาสนาเดิมได้โดยไม่บังคับเปลี่ยนศาสนา ห้ามทหารมุสลิมเข้าไปพักอาศัยในบ้านชาวเมืองโดยพลการ คุ้มครองทรัพย์สิน ศาสนสถาน และครอบครัว พร้อมกับกำหนดให้ชาวคริสต์จ่าย “ญิซยะฮ์” เป็นค่าคุ้มครอง และอนุญาตให้ผู้ที่ประสงค์ย้ายออกจากเมืองไปกับไบแซนไทน์ได้โดยไม่มีการบังคับ
❝ هَذَا مَا أَعْطَى عَبْدُ ٱللّٰهِ عُمَرُ أَمِيرُ ٱلْمُؤْمِنِينَ أَهْلَ إِيليَاءَ مِنَ ٱلْأَمَانِ ❞
“นี่คือสิ่งที่อุมัร บ่าวของอัลเลาะฮ์ ผู้นำของมุอ์มิน ได้ให้ความปลอดภัยแก่ชาวอิเลีย (เยรูซาเล็ม)”
สนธิสัญญาอัล-อุมะรียะฮ์ (العُهْدَة العُمَرِيَّة):
เป็นเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงความยุติธรรมของคอลีฟะฮ์อุมัร อิบนุ อัล-ค็อฏฏ็อบ หลังการพิชิตนครอัลกุดส์ (เยรูซาเล็ม) โดยตกลงกันระหว่างเขากับพระสังฆราชโซฟรอนิอุส แสดงให้เห็นถึงความเมตตาและความยุติธรรมของอิสลามในการปกครองดินแดนนี้
การจัดทำสนธิสัญญานี้เกิดขึ้นประมาณปี 15 ฮิจเราะฮ์ (636-638 ค.ศ.) หลังจากกองทัพอิสลามของอะบูอุบัยดะฮ์ อิบนุลญัรรอห์ ปิดล้อมเมืองเยรูซาเล็ม แล้วตัวแทนฝ่ายคริสต์คือ โซฟรอนิอุส ได้เซ็นสนธิสัญญาเพื่อรับรองสิทธิและความปลอดภัยของชาวคริสต์ในเมืองนี้
.
เนื้อหาหลักในสนธิสัญญารวมถึง:
- การรับรองความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน โบสถ์ และศาสนา
- ไม่มีการบังคับเปลี่ยนศาสนา
- โบสถ์จะไม่ถูกทำลายหรือยึดใช้ในกิจการของมุสลิม
- ชาวคริสต์สามารถบริหารกิจการของตนเองได้
- ชาวคริสต์จ่ายภาษี “ญิซยะฮ์” เพื่อแลกกับการคุ้มครอง
- ผู้ใดที่ต้องการย้ายออกไปกับไบแซนไทน์ก็ทำได้โดยไม่ถูกบังคับ
สนธิสัญญานี้กลายเป็นแม่แบบของการปกครองดินแดนที่มีประชากรศาสนาอื่นในอาณาจักรอิสลามในภายหลัง ชาวคริสต์และยิว (ในภายหลัง) จัดเป็น “อะฮ์ลุซซิมมะฮ์” (أَهْلُ الذِّمَّةِ คือ ประชาชนที่อยู่ในความคุ้มครอง) ซึ่งได้รับการคุ้มครองโดยรัฐอิสลามในฐานะผู้มีสิทธิ์พิเศษในระบบนี้
เยรูซาเล็มอยู่ภายใต้การปกครองของมุสลิมอย่างสงบยาวนานนับร้อยปี จนถึงยุคครูเสด เป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรมและความเมตตาของอิสลามในการพิชิตดินแดนต่อไป
.
🟩 3. การพิชิตเยเมน (เมืองซอนอา)
📍 เมืองหลัก:
ซอนอา (صنعاء) รวมถึงนัจญ์รอน, ฮัดร่อนมาวต์, ฎออิฟ ฯลฯ
📅 ช่วงเวลา:
ปลายยุคของท่านนะบีมุฮัมมัด ﷺ (ปี 9-11 ฮ.ศ.) และในช่วงคอลีฟะฮ์อะบูบักร อัศศิดดี๊ก (ปี 11-13 ฮ.ศ.)
🏛️ คอลีฟะฮ์:
เริ่มต้นโดยท่านนะบีมุฮัมมัด ﷺ และสานต่อโดย ท่านอะบูบักร อัศศิดดี๊ก
⚔️ แม่ทัพ:
ท่านอัล-มุฮาญิร อิบนุ อะบี อุมัยยะฮ์
ท่านอิกริมะฮ์ อิบนุ อะบี ญะฮ์ล
ท่านคอลิด อิบนุ อัล-วะลีด
🗝️ เหตุการณ์:
ท่านนะบีมุฮัมมัด ﷺ ส่งผู้ปกครองและทูตไปยังหัวหน้าเผ่าต่าง ๆ เพื่อเชิญชวนให้เข้าสู่ศาสนาอิสลาม หลายเผ่ายอมเข้ารับอิสลาม เช่น นัจญ์รอน แต่หลังจากท่านนะบีมุฮัมมัด ﷺ สิ้นพระชนม์ บางเผ่าก่อกบฏ เช่น อัซวัด อันซี และ มุซัยลิมะฮ์ ท่านอะบูบักร อัศศิดดี๊ก จึงส่งกองทัพปราบกบฏและให้เยเมนกลับคืนสู่การปกครองของอิสลามในที่สุด